ธุรกิจการตลาด

วิกฤตยานยนต์ไทย ยอดขายปี 67 ส่อแววทรุดหนักสุดรอบ 15 ปี

6 ก.ย. 67
วิกฤตยานยนต์ไทย ยอดขายปี 67 ส่อแววทรุดหนักสุดรอบ 15 ปี

อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ตัวเลขยอดขายที่ลดลงต่อเนื่องตลอด 7 เดือนแรกของปี 2567 เป็นสัญญาณเตือนถึงวิกฤตที่อาจรุนแรงที่สุดในรอบ 15 ปี ไม่เพียงแค่ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนที่ถาโถมเข้ามา แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม ด้วยการผงาดของรถยนต์ไฟฟ้าและผู้เล่นหน้าใหม่จากจีนกำลังสั่นคลอนโครงสร้างเดิมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

บทความนี้ SPOTIGHT จะพาคุณเจาะลึกถึงปัจจัยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังวิกฤตนี้ ตั้งแต่ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึก จนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดโลก พร้อมวิเคราะห์ถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือเพื่อความอยู่รอ

วิกฤต! ยานยนต์ไทย ยอดขายปี 67 ส่อแววทรุดหนักสุดรอบ 15 ปี

วิกฤตยานยนต์ไทย ยอดขายปี 67 ส่อแววทรุดหนักสุดรอบ 15 ปี

อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรง ข้อมูลล่าสุดจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ด้วยยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2567 ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันแล้วนับตั้งแต่ต้นปี

ปัจจัยลบหลายประการส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ นอกจากนี้ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีก็เป็นปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป

สถานการณ์ดังกล่าวบังคับให้ต้องมีการปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ลงถึง 200,000 คัน จากเดิม 1.9 ล้านคัน เหลือเพียง 1.7 ล้านคัน โดยการปรับลดนี้มุ่งเน้นไปที่การผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ จาก 750,000 คัน เหลือเพียง 550,000 คัน ภาพรวมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปัจจุบัน หากสถานการณ์ยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ยอดขายรถยนต์ในปีนี้อาจลดลงถึงระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การผงาดของรถยนต์ไฟฟ้าและผู้เล่นหน้าใหม่จากจีน

อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 40 ปี ทั้งในด้านเทคโนโลยีที่กำลังมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า และการเปลี่ยนแปลงของผู้เล่นในตลาด จากเดิมที่ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นและยุโรปเคยครองตลาด ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์จากจีนได้ก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งที่สำคัญ

การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงนี้ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกหลายราย อาทิ Ford, General Motors, Volkswagen และ Tesla ต้องทบทวนและปรับแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการลงทุนในสภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้

ล่าสุด VinFast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเวียดนาม ซึ่งได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) กับตัวแทนจำหน่าย 15 รายในประเทศไทย และมีเป้าหมายในการเปิดโชว์รูม 22 แห่งในกรุงเทพฯ ได้ตัดสินใจเลื่อนการเปิดเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยออกไป นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของแผนการลงทุนในประเทศไทยของ Tesla รวมถึงการตัดสินใจยุติการผลิตในประเทศไทยของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอย่าง Suzuki และ Subaru

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและความผันผวนที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องปรับตัวและกำหนดกลยุทธ์อย่างรอบคอบ เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

วิกฤตยานยนต์ไทย ยอดขายปี 67 ส่อแววทรุดหนักสุดรอบ 15 ปี

แม้ว่าเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มฟื้นตัว ซึ่งอาจส่งผลให้สถาบันการเงินผ่อนคลายเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อบ้าง แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดของราคาสินทรัพย์ (รถยนต์) ในอนาคต, ความเสี่ยงต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้, รวมถึงข้อกำหนดและมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ทำให้สถาบันการเงินยังคงดำเนินนโยบายการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้ออย่างรอบคอบ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. แสดงความเห็นสอดคล้องกับประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศ โดยเฉพาะรถปิกอัพ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ส่งผลให้สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ นายสุรพงษ์ยังคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์จะสามารถเกิดขึ้นได้ ancak เมื่อปัญหาหนี้ครัวเรือนได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์ต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ โดยกล่าวว่า "หากรัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งสองได้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้มีห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอื่น ๆ อย่างกว้างขวาง"

"ในปัจจุบัน อัตราการเติบโตของหนี้ครัวเรือนยังคงสูงกว่าอัตราการเติบโตของ GDP เราจำเป็นต้องทำให้ GDP ขยายตัวได้อย่างน้อย 3% หรือในอัตราที่สูงกว่า เช่น 4-5% จะเป็นการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากการขายรถยนต์หนึ่งคันหรือบ้านหนึ่งหลัง สามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานได้อีกมากมาย" นายสุรพงษ์ กล่าวสรุป

เพราะอะไรจึงเกิด วิกฤตอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

วิกฤตยานยนต์ไทย ยอดขายปี 67 ส่อแววทรุดหนักสุดรอบ 15 ปี

ศูนย์วิจัย ttb analytics ได้ออกมาประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2567 ว่ากำลังเผชิญกับภาวะหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 15 ปี โดยคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศอาจไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 ได้ในเร็ว ๆ นี้ สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์ในระยะยาว ซึ่งเกิดจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง 5 ประการดังนี้

  1. ภาวะตลาดรถยนต์อิ่มตัว: ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนสะสมสูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของคนไทยที่มีระยะเวลาเฉลี่ยยาวนานถึง 12 ปี ส่งผลให้ความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่เพื่อทดแทนรถยนต์เก่ามีแนวโน้มลดลง
  2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายใหม่ โดยเฉพาะจากประเทศจีน ส่งผลให้ราคาขายรถยนต์ใหม่ปรับตัวลดลง ผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น และบางส่วนอาจชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อรอราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ ทัศนคติของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นและลดภาระค่าใช้จ่าย ส่งผลให้การเช่ารถยนต์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์โดยรวม
  3. โครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ: ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ และคาดว่าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดในอนาคตอันใกล้ ขณะที่สัดส่วนประชากรวัย 25-49 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อหลักของตลาดรถยนต์ กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
  4. แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว: แม้ว่าภาคบริการจะฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว แต่การลงทุนโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำ ภาคการผลิตและการส่งออกเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันจากสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และกำลังซื้อของครัวเรือนในระยะยาว
  5. ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง: ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าระดับที่เหมาะสมและสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน สถาบันการเงินจึงมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่งผลให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ttb analytics ประเมินว่าปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะยาว ทำให้ยอดขายรถยนต์ในปี 2567 มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และการฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจเป็นไปได้ยากในอนาคตอันใกล้

อนาคตที่ท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

วิกฤตที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญอยู่นี้ ไม่ใช่เพียงแค่ผลกระทบระยะสั้นจากภาวะเศรษฐกิจ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้

การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการแสวงหาตลาดใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้

นอกจากนี้ ภาครัฐและภาคเอกชนจำเป็นต้องร่วมมือกันในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนากำลังคน และการส่งเสริมนโยบายที่สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

แม้เส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ด้วยการปรับตัวและความร่วมมือ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังมีโอกาสที่จะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ และเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

advertisement

SPOTLIGHT