ธุรกิจการตลาด

PS5 Pro ราคาแพง เพราะไร้คู่แข่ง Sony ฉวยโอกาสโกยกำไร?

13 ก.ย. 67
PS5 Pro ราคาแพง เพราะไร้คู่แข่ง Sony ฉวยโอกาสโกยกำไร?

ในโลกของเกมคอนโซล การแข่งขันดุเดือดระหว่างแบรนด์ต่างๆ เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยในสมัยก่อนตั้งแต่ Ps2 , xbox และ Gamecube แต่ในยุคนี้ ดูเหมือนว่า Sony จะกำลังเป็นผู้เล่นคนเดียวที่เคลื่อนไหวก่อนเมื่อคู่แข่งสำคัญอย่าง Xbox ยังไม่มีทีท่าจะเปิดตัวเครื่องรุ่นอัปเกรดกลางรุ่น หรือ Nintendo ยังไม่เปิดตัว รุ่นใหม่ ทำให้ Sony กลายเป็นผู้เล่นหลักในตลาดคอนโซลประสิทธิภาพสูง และดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้โอกาสนี้ในการทำกำไรให้สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

PS5 Pro ราคาแพง เพราะไร้คู่แข่ง Sony ฉวยโอกาสโกยกำไร? เจาะลึกกลยุทธ์ราคา PS5 Pro

PS5 Pro ราคาแพง เพราะไร้คู่แข่ง Sony ฉวยโอกาสโกยกำไร? เจาะลึกกลยุทธ์ราคา PS5 Pro

ประเด็นร้อนแรงที่สุดในวงการเกมตอนนี้ คงหนีไม่พ้นราคาเปิดตัวของ PS5 Pro ที่สูงถึง $699.99/£699.99 ซึ่งทำให้หลายคนถึงกับอ้าปากค้าง แม้แต่คอเกมตัวยงก็ยังต้องคิดหนักกับราคานี้ แม้ว่าเครื่องจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่า PS5 รุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ชี้ให้เห็นว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการกำหนดราคาที่สูงเช่นนี้คือการขาดคู่แข่งในตลาด ลองนึกภาพตลาดคอนโซลเกมเหมือนสนามแข่งรถ เมื่อมีผู้เล่นน้อยลง การแข่งขันก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้ผู้เล่นที่เหลือมีอำนาจในการกำหนดราคาได้มากขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ PS5 Pro ในขณะนี้ คู่แข่งสำคัญอย่าง Xbox Series X/S ยังไม่มีแผนที่จะเปิดตัวรุ่นอัปเกรดกลางรุ่น ช่วย Nintendo ก็คนละตลาดแยกกันชัดเจนรายนั้นเน้น ไอเดียการทำเกม ไม่เน้นแข่งด้านภาพ ทำให้ Sony แทบจะผูกขาดตลาดคอนโซลประสิทธิภาพสูง

Piers Harding-Rolls นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเกมจาก Ampere กล่าวว่ากลยุทธ์การกำหนดราคาของ PS5 Pro สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ Sony ในการ "รักษาอัตรากำไร" ซึ่งหมายความว่าบริษัทไม่ต้องการขายคอนโซลในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นถึง "ภาวะเงินเฟ้อในห่วงโซ่อุปทาน" และ "การไม่มีคู่แข่งโดยตรงสำหรับการอัปเกรดกลางรุ่นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า" เป็นปัจจัยเพิ่มเติมที่ทำให้ราคาสูงถึง $700

เมื่อคู่แข่งหายไป โอกาสทองของ Sony ที่จะโกยกำไร

PS5 Pro ราคาแพง เพราะไร้คู่แข่ง Sony ฉวยโอกาสโกยกำไร? เจาะลึกกลยุทธ์ราคา PS5 Pro

Harding-Rolls หวนนึกถึงสมัย PS4 Pro และ Xbox One X ที่เคยขับเคี่ยวกันดุเดือดในฐานะคอนโซลรุ่นกลางที่อัปเกรดความสามารถเหนือรุ่นมาตรฐาน ตอนนั้น PS4 Slim ขายอยู่ที่ $299 ขณะที่ PS4 Pro ราคา $399 ซึ่งต่างกันเพียง 33% แต่เมื่อเทียบกับ PS5 และ PS5 Pro ที่ราคาต่างกันถึง 40-50% แถมยังไร้คู่แข่งจาก Xbox ทำให้ Sony มีโอกาสทองในการตั้งราคาสูงเพื่อรักษาผลกำไร

ลองจินตนาการว่าคุณเปิดร้านขายน้ำปั่น หากมีร้านคู่แข่งอยู่ใกล้ๆ คุณคงไม่สามารถตั้งราคาสูงเกินไป เพราะลูกค้าอาจจะไปซื้อร้านอื่น แต่ถ้าร้านคู่แข่งหายไป คุณก็มีอิสระในการปรับราคาขึ้นเพื่อเพิ่มกำไร นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Sony ในตอนนี้ "การไม่มีคู่แข่งทำให้ Sony ตัดสินใจง่ายขึ้นในการตั้งราคาสูงเพื่อปกป้องกำไร" Harding-Rolls กล่าว "สำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ PS5 รุ่นมาตรฐานจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด"

กล่าวอีกนัยหนึ่ง PS5 Pro อาจจะเหมาะสำหรับเกมเมอร์กระเป๋าหนักที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด แต่สำหรับคนทั่วไป PS5 รุ่นมาตรฐานก็เพียงพอต่อการเล่นเกมส่วนใหญ่แล้ว เวลานี้ Sony อาจจะกำลังใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มรายได้ให้สูงสุด แต่ในระยะยาว กลยุทธ์นี้อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ หากผู้บริโภครู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ พวกเขาอาจจะหันไปมองหาทางเลือกอื่น เช่น PC หรือบริการสตรีมมิ่งเกมแทน ท้ายที่สุดแล้ว ตลาดจะเป็นผู้ตัดสินว่ากลยุทธ์ของ Sony จะประสบความสำเร็จหรือไม่ หาก PS5 Pro ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แสดงว่า Sony คำนวณถูกต้อง แต่หากยอดขายไม่เป็นไปตามคาด บริษัทอาจจะต้องทบทวนกลยุทธ์ใหม่

PS5 Pro ราคาแรงแห่งยุคไร้คู่แข่ง Sony เดินเกมนี้ถูกหรือไม่?

การตั้งราคา PS5 Pro ที่สูงลิ่วของ Sony สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดคอนโซลเกม จากยุคที่การแข่งขันดุเดือดผลักดันให้ราคาถูกลง สู่ยุคที่การขาดคู่แข่งเปิดโอกาสให้ Sony ผูกขาดและกำหนดราคาได้ตามใจชอบ แม้กลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มผลกำไรให้ Sony ในระยะสั้น แต่ก็อาจเป็นดาบสองคมที่ทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว หากผู้บริโภครู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ พวกเขาอาจหันไปหาทางเลือกอื่น หรือรอคอยการกลับมาของคู่แข่งที่จะสร้างสมดุลให้กับตลาดอีกครั้ง

ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จของ PS5 Pro จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริโภค หากพวกเขายอมจ่ายเพื่อประสิทธิภาพที่เหนือชั้น Sony ก็จะประสบความสำเร็จ แต่หากราคาที่สูงเกินไปทำให้ PS5 Pro กลายเป็นของเล่นสำหรับคนรวยเท่านั้น Sony อาจต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์ของตนเองอีกครั้ง

อนาคตของตลาดคอนโซลเกมยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การแข่งขันอาจจะกลับมาอีกครั้งเมื่อ Xbox หรือ Nintendo เปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ หรืออาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อบริการสตรีมมิ่งเกมได้รับความนิยมมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ผู้บริโภคจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาด และแบรนด์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ดีที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้

ที่มา pushsquare

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT