ธุรกิจการตลาด

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

9 ต.ค. 67
คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

ในยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า การลงทุนในอุตสาหกรรมยางล้อจึงเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ล่าสุด คอนติเนนทอล กรุ๊ป ผู้ผลิตยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ประกาศทุ่มงบประมาณกว่า 13,000 ล้านบาท ขยายฐานการผลิตในประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง

การลงทุนครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของคอนติเนนทอลต่อศักยภาพของประเทศไทย ในฐานะฐานการผลิตยางรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลก แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจไทย และอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญของคอนติเนนทอล วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุน พร้อมทั้ง ฉายภาพ โอกาส และ ผลประโยชน์ ที่ประเทศไทยจะได้รับ จากการลงทุนครั้งใหญ่นี้

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

บีโอไอ ไฟเขียว! คอนติเนนทอล (continental) ผู้ผลิตยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่ อันดับ 4 ของโลกจากเยอรมนี เดินหน้าขยายการลงทุนครั้งใหญ่ที่โรงงานในจังหวัดระยอง ด้วยงบประมาณกว่า 13,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตยางเรเดียลสมรรถนะสูงอีกปีละ 3 ล้านเส้น รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในไทยและเอเชียแปซิฟิก สำหรับการลงทุนครั้งนี้ ตอกย้ำศักยภาพของไทยในฐานะฐานการผลิตยางรถยนต์อันดับ 2 ของโลก พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่ายางพาราในประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรไทย

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยว่า บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุน มูลค่ากว่า 13,411 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่และขยายโรงงานเดิม ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะอีกปีละ 3 ล้านเส้น รวมเป็น 7.8 ล้านเส้นต่อปี พร้อมกับสร้างงานเพิ่มอีกกว่า 600 ตำแหน่ง รวมเป็นพนักงานทั้งหมดกว่า 1,500 คน โดยจะใช้วัตถุดิบจากในประเทศ ทั้งยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ ปีละกว่า 1,700 ตัน

คอนติเนนทอล ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยางรถยนต์ ก้าวสู่ปีที่ 150 พร้อมรายได้กว่า 5 แสนล้านบาท!

582807

คอนติเนนทอลกรุ๊ป จากประเทศเยอรมนี ผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์อันดับ 4 ของโลก ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 150 ปี สร้างรายได้กว่า 14,000 ล้านยูโร หรือกว่า 5 แสนล้านบาทในปี 2566 ด้วยเครือข่ายโรงงานผลิตยางรถยนต์ 20 แห่ง กระจายอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย คอนติเนนทอลเข้ามาดำเนินธุรกิจยาวนานถึง 15 ปี และได้จัดตั้งโรงงานที่จังหวัดระยองเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในโรงงานต้นแบบด้านการประหยัดพลังงานของคอนติเนนทอล ด้วยการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย ระบบขนส่งวัตถุดิบและสินค้าแบบอัตโนมัติ รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์ขนาด 6.7 เมกะวัตต์ ซึ่งผลิตพลังงานสะอาด คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 13 ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในโรงงาน

คอนติเนนทอล ไทร์ส เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงตัดสินใจขยายการลงทุน โดยใช้โรงงานในจังหวัดระยองเป็นฐานการผลิตยางล้อ เพื่อป้อนให้กับผู้ผลิตรถยนต์และผู้บริโภค ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถบรรทุกขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ และยางรถยนต์เกรดพรีเมียม เช่น MaxContact MC7 รวมถึงยางสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีความต้องการยางที่ทนทานเป็นพิเศษ เพื่อรองรับพลังและอัตราเร่งที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป โดยราคายางรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไป 2 - 3 เท่า

คอนติเนนทอล เชื่อมั่นในศักยภาพไทย! เดินหน้าขยายฐานผลิตยางรถยนต์ระดับโลก

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การขยายการลงทุนครั้งใหญ่ของคอนติเนนทอล สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตยางรถยนต์คุณภาพสูง ที่ใส่ใจทั้งความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ของโลก เช่น EUDR ที่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบยางพารามาจากสวนยางที่ไม่ทำลายป่า ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมในด้านนี้อยู่แล้ว

"การลงทุนของคอนติเนนทอล ไม่เพียงแต่จะเพิ่มมูลค่าให้กับยางพารา และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยอีกด้วย" นายนฤตม์ กล่าวเสริม

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกยางรถยนต์อันดับ 2 ของโลก รองจากจีน โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2563 – 2567) มีนักลงทุนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนผลิตยางรถยนต์แล้วถึง 41 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 112,000 ล้านบาท ดึงดูดผู้ผลิตยางรถยนต์ระดับโลกเข้ามาลงทุนในไทยมากมาย อาทิ มิชลิน (ฝรั่งเศส), บริดจสโตน (ญี่ปุ่น), กู๊ดเยียร์ (สหรัฐอเมริกา), คอนติเนนทอล (เยอรมนี), ซูมิโตโม รับเบอร์ (ญี่ปุ่น), โยโกฮามา ไทร์ (ญี่ปุ่น), จงเช่อ รับเบอร์ (จีน), ปริงซ์ เฉิงซาน ไทร์ (จีน), หลิงหลง (จีน), เซนจูรี่ ไทร์ (จีน) และ แม็กซิส (ไต้หวัน)

บทวิเคราะห์ เหตุใดคอนติเนนทอลจึงเลือกไทยเป็นฐานการผลิตยางล้อแห่งอนาคต

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

การลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท ของคอนติเนนทอล กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยางล้อจากเยอรมนี เพื่อขยายฐานการผลิตในประเทศไทย ไม่ใช่แค่การตัดสินใจธรรมดา แต่เป็นกลยุทธ์ที่ผ่านการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน สะท้อนถึงปัจจัยสำคัญ ดังนี้

1.ศักยภาพทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

  • อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง: ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลก มีการเติบโตของตลาดรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นโอกาสทองในการขยายตลาดยางล้อ
  • ความต้องการยางล้อสมรรถนะสูง: เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ที่เน้นสมรรถนะ การประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ความต้องการยางล้อคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น คอนติเนนทอลจึงมองเห็นโอกาสในการนำเสนอยางล้อที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านนี้
  • ฐานการผลิตเพื่อการส่งออก: ประเทศไทยตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งที่เอื้อต่อการส่งออก ช่วยให้คอนติเนนทอลสามารถกระจายสินค้าไปยังตลาดต่างๆ ในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ความได้เปรียบด้านต้นทุนและปัจจัยสนับสนุนการลงทุน

  • วัตถุดิบยางพาราคุณภาพสูง: ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก คอนติเนนทอลสามารถเข้าถึงวัตถุดิบคุณภาพสูงในราคาที่แข่งขันได้ ช่วยลดต้นทุนการผลิต
  • แรงงานมีฝีมือ: ประเทศไทยมีแรงงานที่มีทักษะ และค่าแรงที่ค่อนข้างต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
  • นโยบายส่งเสริมการลงทุน: รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น มาตรการทางภาษี สิทธิประโยชน์ต่างๆ และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ

3.พันธกิจด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม

  • การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: คอนติเนนทอลให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยโรงงานในประเทศไทยเป็นโรงงานต้นแบบด้านการประหยัดพลังงาน มีการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น EUDR
  • การสนับสนุนชุมชน: การลงทุนในประเทศไทย ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนในชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมของคอนติเนนทอล

4.รากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย

  • ประสบการณ์ 15 ปี: คอนติเนนทอลดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 15 ปี มีความเข้าใจในตลาด วัฒนธรรม และกฎระเบียบต่างๆ เป็นอย่างดี
  • โรงงานที่มีประสิทธิภาพ: โรงงานในจังหวัดระยอง เป็นโรงงานขนาดใหญ่ ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และมีมาตรฐานการผลิตระดับโลก

สรุป การตัดสินใจลงทุนของคอนติเนนทอลในประเทศไทยเป็นผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ครอบคลุมทั้งโอกาสทางการตลาด ความได้เปรียบด้านต้นทุน ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน และรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคง สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของคอนติเนนทอลในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยางล้อที่สำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดโลก

ประเทศไทยได้อะไรจากการลงทุน 13,000 ล้านบาท ของคอนติเนนทอล?

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

การตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ของคอนติเนนทอลในประเทศไทย นำมาประโยชน์มากมาย ไม่ใช่แค่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ลองมาวิเคราะห์เชิงลึกถึงข้อได้เปรียบที่ประเทศไทยจะได้รับกัน

1.กระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน

  • เม็ดเงินลงทุนมหาศาล: เงินลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงงาน จัดซื้อเครื่องจักร วัตถุดิบ และจ้างแรงงาน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
  • การจ้างงาน: คอนติเนนทอลมีแผนจะสร้างงานเพิ่มอีก 600 ตำแหน่ง ทำให้เกิดการจ้างงานโดยตรง และยังส่งผลต่อเนื่องไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ให้บริการขนส่ง ร้านค้า และธุรกิจบริการต่างๆ
  • รายได้จากการส่งออก: การขยายกำลังการผลิตยางล้อ ส่วนหนึ่งจะถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ

2.พัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราและยกระดับห่วงโซ่อุปทาน

  • เพิ่มมูลค่ายางพารา: คอนติเนนทอลจะใช้วัตถุดิบยางพาราจากในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราไทย และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง
  • พัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน: การร่วมมือกับบริษัทระดับโลก จะช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยี ความรู้ และมาตรฐานการผลิต ซึ่งจะช่วยพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของยางพาราไทยให้สูงขึ้น
  • เสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน: การลงทุนในอุตสาหกรรมยางล้อ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น

3.ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม

  • ถ่ายทอดเทคโนโลยี: คอนติเนนทอลเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยียางล้อ การลงทุนในไทยจะนำมาซึ่งการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เช่น ระบบอัตโนมัติ ระบบประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีการผลิตยางล้อสมรรถนะสูง
  • พัฒนาบุคลากร: การทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลก จะช่วยพัฒนาทักษะ ความรู้ และความสามารถของบุคลากรไทย ในด้านเทคโนโลยี วิศวกรรม และการจัดการ

4.ส่งเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ

  • ดึงดูดการลงทุน: การลงทุนของคอนติเนนทอล เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ต่อศักยภาพและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต
  • ยกระดับภาพลักษณ์: การเป็นฐานการผลิตยางล้อของบริษัทชั้นนำระดับโลก ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน ที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล

5.ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน

  • การใช้พลังงานสะอาด: คอนติเนนทอลให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  • การจัดการสิ่งแวดล้อม: คอนติเนนทอลมีมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดี และช่วยส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

โดยสรุป การลงทุนของคอนติเนนทอล นำมาซึ่งประโยชน์มากมายต่อประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน พัฒนาอุตสาหกรรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

คอนติเนนทอลกับก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

คอนติเนนทอล (continental) ทุ่ม 1.3 หมื่นล้าน ขยายโรงงานยางในไทย

การลงทุนครั้งมโหฬารของคอนติเนนทอลในประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ และโอกาสอันสดใสในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโต ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ ครอบคลุมตั้งแต่ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างงาน การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา การถ่ายทอดเทคโนโลยี ไปจนถึงการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการพัฒนาบุคลากร ยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยี และเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ด้วยศักยภาพ ความพร้อม และความมุ่งมั่น ประเทศไทยมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยางล้อแห่งอนาคตในระดับโลก การลงทุนของคอนติเนนทอลในครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือน "จุดเริ่มต้น" ของ "เส้นทางแห่งความสำเร็จ" ที่รอให้คนไทยร่วมกันสร้างสรรค์ต่อไป

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT