ธุรกิจการตลาด

Couche-Tard ยื่นซื้อกิจการ Seven & i เพิ่มเป็น 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์

11 ต.ค. 67
Couche-Tard ยื่นซื้อกิจการ Seven & i เพิ่มเป็น 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์

ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกข้ามชาติ Couche-Tard เจ้าของร้านสะดวกซื้อ Circle K เดินหน้ารุกคืบ!  ล่าสุดยื่นข้อเสนอขอซื้อกิจการ Seven & i Holdings บริษัทแม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven  ด้วยมูลค่ามหาศาลกว่า 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.58 ล้านล้านบาท  เพิ่มขึ้น 22% จากข้อเสนอเดิม  ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของ Seven & i Holdings  และความไม่แน่นอนของนักลงทุน  การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจค้าปลีกโลก  และอนาคตของร้าน 7-Eleven ทั่วโลกจะเป็นอย่างไร? 

Couche-Tard ยื่นซื้อกิจการ Seven & i เพิ่มเป็น 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์

Couche-Tard ยื่นซื้อกิจการ Seven & i เพิ่มเป็น 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์

จากรายงานของ รอยเตอร์ ระบุว่า อาลีมองตาซิยง คูช-ทาร์ด (Alimentation Couche-Tard Inc.) บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของแคนาดา เจ้าของเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ Circle K ได้ยื่นข้อเสนอปรับปรุงราคาเพื่อเข้าซื้อกิจการเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ (Seven & i Holdings Co.) บริษัทญี่ปุ่นผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven  โดยแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับเรื่องนี้สองรายเปิดเผยว่า ข้อเสนอครั้งใหม่นี้มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.58 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากข้อเสนอเดิม ทั้งนี้ หากการทำธุรกรรมดังกล่าวประสบความสำเร็จ จะถือเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นโดยบริษัทต่างชาติ 

Couche-Tard  ยื่นข้อเสนอราคาซื้อกิจการเซเว่น แอนด์ ไอ เพิ่มเติม นักลงทุนยังคงตั้งข้อสงสัย

บลูมเบิร์กรายงานว่า คูช-ทาร์ดได้ยื่นข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการเซเว่น แอนด์ ไอ  ในราคา 18.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น  ซึ่งเพิ่มขึ้นจากข้อเสนอเดิมที่ 14.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.85 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเซเว่น แอนด์ ไอ ปฏิเสธ ด้าน เซเว่น แอนด์ ไอ  ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า ข้อเสนอใหม่นี้เป็นการเสนอแบบส่วนตัวและไม่มีผลผูกพัน  โดยบริษัทมีแผนที่จะดำเนินการเจรจาเป็นความลับตามคำขอของคูช-ทาร์ด  ขณะที่คูช-ทาร์ด เจ้าของเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ Circle K ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นใดๆ

"ข้อเสนอที่เพิ่มขึ้นจากคูช-ทาร์ดนั้น  มีแรงจูงใจมากกว่าข้อเสนอเดิมอย่างเห็นได้ชัด  แม้ว่าจะยังคงมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบ  แต่คณะกรรมการบริหารของเซเว่น แอนด์ ไอ ควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามข้อตกลงนี้" มโนช เจน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Maso Capital ในฮ่องกงกล่าว

ราคาหุ้นของเซเว่น แอนด์ ไอ ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 12% ทันทีที่ข่าวการยื่นข้อเสนอเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ก่อนที่จะลดลงมาปิดตลาดที่ 2,335 เยน (15.7 ดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 4.7%  ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนบางส่วนต่อความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลง ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา เซเว่น แอนด์ ไอ ได้แสดงจุดยืนว่า ข้อเสนอเริ่มต้นของคูช-ทาร์ด "ประเมินมูลค่าบริษัทต่ำกว่าความเป็นจริง" และยืนยันแผนการในการเพิ่มมูลค่าองค์กรด้วยกลยุทธ์ของตนเอง  ซึ่งนักวิเคราะห์และผู้นำธุรกิจหลายท่านมองว่า  เซเว่น แอนด์ ไอ จำเป็นต้องพิสูจน์ถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อกลยุทธ์ดังกล่าว

ท่าทีของนักลงทุนต่อเซเว่น แอนด์ ไอ และกลยุทธ์การปรับโครงสร้างองค์กร

Couche-Tard ยื่นซื้อกิจการ Seven & i เพิ่มเป็น 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์

กลุ่มนักลงทุน ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบันต่างชาติ อาทิ ValueAct Capital และ Artisan Partners  ต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า  เซเว่น แอนด์ ไอ ควรมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่ธุรกิจหลักของบริษัท  นั่นคือ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่งมีเครือข่ายสาขากว่า 80,000 แห่งทั่วโลก  มากกว่าการกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ  เช่น  ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต  สถาบันการเงิน  ร้านอาหาร Denny's  และ Tower Records

บรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างเฝ้ารอรายละเอียดแผนการเพิ่มมูลค่าองค์กร  ซึ่งคาดว่าจะประกาศในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของเซเว่น แอนด์ ไอ  ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคมนี้  โดยก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ Nikkei ได้รายงานว่า  ผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  อันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา  อย่างไรก็ตาม  เซเว่น แอนด์ ไอ ซึ่งมีรายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของรายได้รวม  ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานดังกล่าว  โดยยืนยันว่า  ข้อมูลการลดลงของกำไร 20% ไม่ได้มาจากการเปิดเผยของบริษัทแต่อย่างใด

นายทราวิส ลันดี  นักวิเคราะห์จาก Quiddity Advisors  ได้แสดงความคิดเห็นผ่านแพลตฟอร์ม Smartkarma ว่า  เซเว่น แอนด์ ไอ อาจประกาศแผนการขายหุ้นบางส่วนใน Seven Bank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจธนาคาร  เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความกระชับ  และมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้  แหล่งข่าววงในยังได้เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า  เซเว่น แอนด์ ไอ กำลังพิจารณาขายหุ้นในธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต  ซึ่งอาจหมายถึงการเร่งดำเนินการตามแผนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)  ตามที่บริษัทได้ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน  สถานีโทรทัศน์โตเกียวทีวีรายงานว่า  เซเว่น แอนด์ ไอ กำลังพิจารณาเปลี่ยนชื่อบริษัท  เพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการมุ่งเน้นธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นแกนหลัก

อนึ่ง  เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา  รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศให้เซเว่น แอนด์ ไอ เป็นธุรกิจ "หลัก" ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ  ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า  อาจเป็นการเพิ่มอุปสรรคด้านกฎระเบียบในการเข้าซื้อกิจการ  อย่างไรก็ตาม  เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้ออกมายืนยันว่า  การจัดประเภทดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อระดับการตรวจสอบของรัฐบาล  หรือ กระบวนการพิจารณาข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการแต่อย่างใด

สรุปประเด็นการเข้าซื้อกิจการระหว่าง Couche-Tard และ Seven & i Holdings

ยังคงเป็นสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด  การยื่นข้อเสนอซื้อกิจการในราคาที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ Couche-Tard ในการเข้าถือครองธุรกิจร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ระดับโลกแห่งนี้

อย่างไรก็ดี  Seven & i Holdings ยังคงยืนยันที่จะดำเนินกลยุทธ์ตามแผนที่วางไว้  ซึ่งประกอบด้วยการปรับโครงสร้างองค์กร  การพิจารณาขายธุรกิจบางส่วน  และการมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่ธุรกิจหลัก  อันได้แก่ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั้งนี้  กระบวนการเจรจา  การตัดสินใจของคณะกรรมการบริหาร  และผลลัพธ์สุดท้ายของการทำธุรกรรม 

ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางและอนาคตของอุตสาหกรรมค้าปลีก  รวมถึงภาพลักษณ์ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในระดับสากล ซึ่งคงต้องติดตามความคืบหน้าและบทสรุปของสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ที่มา  รอยเตอร์

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT