สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายด้วยคะแนนเสียง 366 ต่อ 34 เพื่อจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาล ซึ่งช่วยให้สหรัฐฯไม่ต้องเผชิญภาวะชัตดาวน์ หรือการสั่งปิดหน่วยงานภาครัฐอีกครั้ง เพราะไม่มีเงิน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการลงมติรับรองในวุฒิสภา ก่อนจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนาม
นี่ถือเป็นความพยายามครั้งที่สามในสัปดาห์นี้ที่สภาผู้แทนราษฎรพยายามผลักดันร่างงบประมาณ หลังจากร่างงบประมาณแรก ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าเอียงซ้าย หรือพยายามประนีประนอมกับพรรคแดโมแครตจนเกินไป แต่ร่างที่สองก็ไม่ผ่านการสนับสนุนจากสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วน เพราะไม่เห็นด้วยการข้อเสนอเรื่องเพดานหนี้ที่ทรัมป์สนับสนุน ดังนั้น ในร่างที่สามนี้ จึงไม่มีการรวมมาตรการเกี่ยวกับเพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการลงไป
ไม่นานก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติในคืนวันศุกร์ โดนัลด์ ทรัมป์ บอกกับสมาชิกพรรครีพับลิกันคนหนึ่งว่าเขารู้สึกผิดหวังที่ข้อตกลงด้านงบประมาณไม่สามารถรวมการปรับเพิ่มเพดานหนี้เข้าไปได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่เขาทราบดีว่าจะเป็นปัญหาที่เขาต้องเผชิญในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ CNN ว่า ทรัมป์ดูเหมือนจะรู้สึกหงุดหงิดแต่ยอมรับความเป็นจริง เมื่อเขาเริ่มตระหนักว่า แม้เขาจะมีอิทธิพลในพรรครีพับลิกัน แต่ก็ยังมีประเด็นบางอย่างที่สมาชิกบางส่วนจะไม่มีทางยอมให้เขา
บุคคลใกล้ชิดทรัมป์ได้เตือนว่า เขาอาจถูกตำหนิ หากรัฐบาลต้องปิดหน่วยงานภาครัฐชั่วคราว เนื่องจากงบประมาณหมดในช่วงนี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์เขาก็จะต้องสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ในขณะที่ทรัมป์ดูเหมือนจะยอมรับผลลัพธ์นี้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกพึงพอใจต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ปัญหาในพรรครีพับลิกันกำลังทวีความตึงเครียดขึ้น เพราะการโหวตคว่ำงบประมาณที่ทรัมป์สนับสนุน นับเป็นบททดสอบครั้งใหญ่บทแรกว่า ทรัมป์มีอิทธิพลเหนือสมาชิกสภาคองเกรสมากน้อยเพียงใด เมื่อเห็นแล้วว่า สมาชิกจำนวนหนึ่งแตกแถว ไม่โหวตสนับสนุนงบของทรัมป์ นอกจากนี้ ยังเป็นความท้าทายของนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสภาผู้แทนฯ กำลังจะลงมติในอีก 15 วันข้างหน้า เพื่อเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานสภาคนใหม่สำหรับรัฐสภาชุดถัดไป
และการที่ในท้ายที่สุด ทรัมป์จำเป็นต้องยอมถอนข้อเสนอที่เขาต้องการออก เพื่อให้สมาชิกพรรครีพับลิกันยอมรับรองงบประมาณดังกล่าว ยิ่งตอกย้ำถึงปัญหาในพรรคที่ทวีความรุนแรงขึ้ส
BBC , CNN