สำหรับท่านที่ต้องการนำสินค้าขึ้นเชลฟ์ 7-Eleven ด้วยสาขามากมายทั่วประเทศ และยังเปิด 24 ชั่วโมง เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ใครๆ ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของร้านสะดวกซื้ออันดับหนึ่งของไทย แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าสินค้าจะวางขายใน 7-Eleven ได้ ต้องผ่านด่านอะไรบ้าง?
วิธีขายของใน 7-Eleven ขายอย่างไรให้ประสบความสําเร็จต้องทำอย่างไร?
บทความนี้ SPOTLIGHT ได้รวบรวมขั้นตอนสำคัญ ตั้งแต่การเตรียมตัว การนำเสนอสินค้า ไปจนถึงการบริหารจัดการหลังการขาย เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SME และผู้ที่สนใจ สามารถนำสินค้าขึ้นเชลฟ์ 7-Eleven ได้อย่างมืออาชีพ พร้อมเผยเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ สร้างยอดขายถล่มทลาย!
1.เตรียมความพร้อม ปัจจัยสู่ความสำเร็จ
- การเตรียม "สินค้า" ให้พร้อมเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญยิ่ง 7-Eleven ให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเป็นอย่างมาก สินค้าของท่านต้องตอบสนองความต้องการของตลาดและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น หากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพ สินค้าประเภทอาหารเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มประเภทน้ำตาล 0% ย่อมเป็นที่ต้องการ นอกจากนี้ การได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ อาทิ อย. หรือ Halal ยิ่งช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้า
2.ลงทะเบียนออนไลน์
- เมื่อสินค้าพร้อม ขั้นตอนต่อไปคือการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.cpall.co.th โดยกรอกข้อมูลสินค้าต่างๆ ให้ครบถ้วน อาทิ ประเภทสินค้า คุณสมบัติ จุดเด่น ราคา และรูปภาพ จากนั้นรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่เพื่อนำเสนอรายละเอียดสินค้าและแผนการตลาด
3.นำเสนอสินค้า: สร้างความประทับใจ
- การนำเสนอสินค้าและแผนการตลาดต่อทีมงาน 7-Eleven อย่างมืออาชีพเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ประกอบการควรเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้พร้อม เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการ ใบรับรองมาตรฐานสินค้า และตัวอย่างสินค้า
4.ตรวจสอบคุณภาพ: ยืนยันมาตรฐาน
- เมื่อสินค้าผ่านการพิจารณาเบื้องต้น 7-Eleven จะดำเนินการตรวจสอบโรงงานผลิต เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิตเป็นไปตามมาตรฐาน มีความสะอาด ปลอดภัย และสอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆ เช่น GHP, HACCP
5.กำหนดวันวางจำหน่าย: ก้าวสู่ 7-Eleven
- ขั้นตอนสุดท้ายคือการกำหนดวันวางจำหน่ายสินค้า ยอดสั่งผลิตในล็อตแรก และรูปแบบการกระจายสินค้า เช่น ครอบคลุมทุกสาขา หรือเจาะจงเฉพาะบางพื้นที่
อยากขายของใน 7-Eleven ให้ประสบความสําเร็จต้องทำอย่างไร
ศึกษาข้อมูลเชิงลึก
- ก่อนอื่น ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจถึงศักยภาพของ 7-Eleven ซึ่งมิได้เป็นเพียงร้านค้าปลีก แต่เป็นเสมือนศูนย์กลางในการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ข้อมูลสถิติในไตรมาส 1 ปี 2567 บ่งชี้ว่า 7-Eleven แต่ละสาขามียอดขายเฉลี่ยสูงถึง 82,619 บาทต่อวัน โดยมีจำนวนลูกค้าเฉลี่ย 972 คนต่อวัน และมีอัตราค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 85 บาท ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นของ 7-Eleven ในฐานะช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
สินค้าตรงใจตลาด
- หัวใจสำคัญที่ 7-Eleven พิจารณาเป็นอันดับแรกในการคัดเลือกสินค้า คือ “สินค้าต้องตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค” เช่น ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น สินค้าประเภทอาหารเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มประเภทน้ำตาล 0% จึงเป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้ การที่สินค้าได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ อาทิ อย. หรือ HALAL ยิ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการได้รับการคัดเลือกจาก 7-Eleven
บรรจุภัณฑ์ดึงดูดสายตา
- นอกเหนือจากคุณภาพของสินค้าแล้ว “บรรจุภัณฑ์” ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม บรรจุภัณฑ์ต้องออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ โดดเด่น สะดุดตา ดึงดูดความสนใจของลูกค้า เช่น การใช้สีสันที่สดใส รูปภาพที่น่ารับประทาน หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่แปลกใหม่ ควรมีขนาดกะทัดรัด เพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง และที่สำคัญคือ การแสดงแบรนด์สินค้าและจุดเด่นของสินค้าให้ชัดเจน เพื่อสื่อสารกับลูกค้า และสร้างการจดจำแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์การกำหนดราคา
- การกำหนดราคาขายที่เหมาะสมถือเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ โดยสินค้าที่จัดจำหน่ายใน 7-Eleven ควรมี ราคาที่เข้าถึงไดสำหรับผู้บริโภคทั่วไป และควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายหลักของ 7-Eleven ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และพนักงานออฟฟิศ เช่น เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ ควรมีราคาไม่เกิน 40 บาท ขนมขบเคี้ยวควรมีราคาไม่เกิน 30 บาท เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของลูกค้าส่วนใหญ่ และสามารถแข่งขันกับสินค้าอื่นๆ ในตลาดได้
ขั้นตอนการนำเสนอสินค้า
- เมื่อเตรียมความพร้อมด้านสินค้าเรียบร้อยแล้ว ผู้ประกอบการสามารถ ลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ ของ 7-Eleven โดยกรอกข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าให้ครบถ้วน เช่น ประเภทสินค้า คุณสมบัติ จุดเด่น ราคา และรูปภาพสินค้า หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อนำเสนอรายละเอียดสินค้าและแผนการตลาด ซึ่งผู้ประกอบการควรเตรียมข้อมูล และเอกสารต่างๆ ให้พร้อม เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการ ใบรับรองมาตรฐานสินค้า และตัวอย่างสินค้า
มาตรฐานคุณภาพ
- เมื่อสินค้าผ่านการพิจารณาเบื้องต้น 7-Eleven จะดำเนินการ ตรวจสอบโรงงานผลิต เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิตเป็นไปตามมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย และสอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆ เช่น GHP, HACCP ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยของอาหาร รวมถึง ประเมินกำลังการผลิต ระบบการควบคุมคุณภาพ และการจัดเก็บสินค้า เพื่อพิจารณาว่าสินค้ามีคุณภาพและปริมาณเพียงพอต่อการจัดจำหน่ายใน 7-Eleven หรือไม่ และสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดเวลา
ค่าธรรมเนียมแรกเข้า หรือ Listing Fees
- กรณีที่สินค้าผ่านการพิจารณา ผู้ประกอบการจะต้องชำระ “ค่าธรรมเนียมแรกเข้า” หรือ Listing Fees เพื่อนำสินค้าขึ้นเชลฟ์ 7-Eleven โดยปกติแล้วจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า และข้อตกลงกับทาง 7-Eleven แต่สำหรับ ผู้ประกอบการ SME อาจได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ หรือได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในบางกรณี
ข้อตกลงความร่วมมือ MOU
- เมื่อสินค้าผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว จะมีการทำ สัญญา MOU เพื่อระบุรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ปริมาณสินค้าที่จะจัดส่งต่อสาขา หรือต่อเดือน ขอบเขตพื้นที่การจัดจำหน่าย เช่น จัดจำหน่ายเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ระยะเวลาของสัญญา เงื่อนไขการชำระเงิน และ ข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายสินค้า
การบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน
- ประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญคือ ระยะเวลาเครดิต หรือระยะเวลาที่ 7-Eleven จะชำระเงินหลังจากรับสินค้า ซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 60 วัน นั่นหมายความว่า ผู้ประกอบการต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนของตัวเองในการผลิตสินค้า และรอรับชำระเงินจาก 7-Eleven ดังนั้น ผู้ประกอบการควรวางแผน บริหารสภาพคล่องทางการเงิน อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การบริหารต้นทุน การจัดการสต็อกสินค้า และการหาแหล่งเงินทุน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง
การตลาดและโปรโมชั่น
- แม้ 7-Eleven จะมีฐานลูกค้าจำนวนมาก แต่การทำการตลาดก็ยังจำเป็นเพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่สินค้าเริ่มวางจำหน่าย ผู้ประกอบการอาจจะร่วมโปรโมชั่นกับ 7-Eleven เช่น สินค้าใหม่ลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 หรือร่วมแคมเปญสะสมแสตมป์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าให้ทดลองสินค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ การจัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น แถมของพรีเมียม จัดชิมสินค้า หรือมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย ก็ช่วยสร้างความน่าสนใจและกระตุ้นการซื้อได้ หรือจะใช้สื่อโฆษณาต่างๆ เช่น ป้ายโฆษณาในร้าน สื่อออนไลน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์สินค้าและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
การติดตามผลและปรับปรุง
- หลังจากสินค้าวางจำหน่ายแล้ว ผู้ประกอบการควรติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด เช่น ยอดขาย เสียงตอบรับจากลูกค้า และปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และปรับปรุง เช่น วิเคราะห์ยอดขายเพื่อดูว่าสินค้าขายดีในช่วงเวลาใด สาขาใด หรือกลุ่มลูกค้าใด และนำข้อมูลมาปรับกลยุทธ์การขาย การกระจายสินค้า และการทำโปรโมชั่น รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า เช่น จัดทำแบบสอบถาม หรือรับฟังความคิดเห็นจากพนักงาน 7-Eleven เพื่อนำมาพัฒนาสินค้า บรรจุภัณฑ์ หรือการบริการ และหากพบปัญหา เช่น สินค้าขาดตลาด สินค้าเสียหาย หรือลูกค้าร้องเรียน ก็ควรเร่งแก้ไขโดยเร็ว เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าและแบรนด์
ก้าวสู่ความสำเร็จกับ 7-Eleven
การจำหน่ายสินค้าใน 7-Eleven ให้ประสบความสำเร็จและสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนนั้น ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญหลายประการ ไม่เพียงแค่การลดต้นทุนการผลิตด้วยการผลิตแบบ Economies of Scale หรือการลงทุนในเทคโนโลยีอัตโนมัติเพื่อลดต้นทุนต่อหน่วยในระยะยาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทาง 7-Eleven เสมือนพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดอย่างทันท่วงที รักษามาตรฐานคุณภาพสินค้าอย่างเคร่งครัด และปรับตัวให้สอดคล้องกับพลวัตของตลาดอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้น การแสวงหาโอกาสในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ หรือการต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ทางการตลาดและโปรโมชั่นต่างๆ ของ 7-Eleven และการสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์สินค้า ล้วนเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันและขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล
ท้ายที่สุดนี้ ผู้ประกอบการพึงระลึกถึง "ความมุ่งมั่นและความอดทน" เส้นทางสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจกับ 7-Eleven อาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ด้วยความมุ่งมั่น การเรียนรู้ และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการทุกท่านจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์และสร้างธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในที่สุด
อ้างอิง จาก CPall