Facebook Instagram จะมีโฆษณาเพิ่ม แฝงใน Reels, หน้าค้นหา, โปรไฟล์

ในช่วงหลายปีมานี้ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ Facebook และ Instagram จัดหนักจัดเต็มเรื่องการประโคมโฆษณาให้ผ่านตาผู้ใช้มากที่สุด ผ่านหลากหลายช่องทาง เพราะทุกการเลื่อนผ่าน ทุกการคลิก หมายถึงเงินที่จะเข้าบริษัท จนทำให้ผู้ใช้หลายคนเริ่มบ่นว่าจะยิงแอดอะไรกันนักหนา! ไถฟีดแต่ละที แทบจะเห็นโฆษณามากกว่าฟีดของคนใกล้ตัวอยู่แล้ว

ทำให้หวนนึกถึงประโยคที่ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแวดวงการตลาดสมัยใหม่ว่า

“ถ้าคุณไม่ได้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้า คุณนั่นแหละคือสินค้า!” (If you're not paying for the product, you are the product!)

 

จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้ง Facebook และ Instagram จะขนขบวนพาเหรด ยกโฆษณามาแทรกไว้ตามแต่ละซอก แต่ละมุมของแอป เพื่อกอบกู้รายได้ของบริษัทที่หดตัวลง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ‘มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก’ ก่อตั้งบริษัทขึ้น

รูปแบบโฆษณาใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้เจอสินค้าและคอนเทนต์ที่ถูกใจ ได้รับประสบการณ์ดีๆ จาก Meta (ดังที่ Meta ชอบใช้โฆษณาเวลาออกฟีเจอร์ใหม่) บนแพลตฟอร์มทั้ง Facebook และ Instagram มีดังนี้

Facebook

Reels จบ โฆษณาไม่จบ!

ถึงก่อนหน้านี้ ‘Reels’ หรือวิดีโอคลิปสั้น ที่ Meta พยายามจะปั้นมาชนกับ TikTok จะมีคลิปโฆษณาคั่นเป็นระยะอยู่แล้ว (ช่วงหลังนี้ถี่ขึ้นด้วย!) แต่ Meta มองว่านั่นยังไม่เพียงพอ จึงเตรียมทดสอบการยิงโฆษณาสั้น ความยาวไม่เกิน 10 วินาที (กดข้ามได้) ก่อนที่คลิปจะวนรอบใหม่ โดยจะทดสอบกับคลิป Reels บน Facebook ก่อน หากพิสูจน์แล้วว่าเวิร์ค ก็พร้อมที่จะนำไปใช้กับ Reels บน Instagram ด้วยในอนาคตอันใกล้

ไม่เพียงเท่านั้น Meta ยังเตรียมปล่อยโฆษณาในรูปแบบแถบที่ด้านล่างของ Reels บน Facebook ประกอบด้วยอัลบั้มรูปภาพเลื่อนได้ ตั้งแต่ 2 - 10 รูป ด้วยกัน
 

Instagram

ตามเสิร์ฟโฆษณาทุกที่ ทั้งหน้าฟีด หน้าค้นหา ลามไปยังหน้าโปรไฟล์คนดัง!

ฝั่ง Instagram เองก็ไม่รอดพ้นจากการยกเครื่องเรื่องช่องทางโฆษณาของ Meta โดยได้เตรียมฝังโฆษณาในหน้าค้นหา (Explorer tab) ซึ่งปกติจะเป็นภาพของคนที่เราอาจสนใจเรียงเป็นช่องๆ ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ จะแฝงโพสต์โฆษณาลงไปในช่องใดช่องหนึ่งของหน้า Explorer ของเราด้วย

นอกจากนี้ Meta กลัวว่าเราจะบริโภคโฆษณายังไม่จุใจ เตรียมฝากฟีเจอร์ ‘โฆษณาแบบชุด’ ไว้ในหน้าฟีดของเรา โดยปกติ บนหน้าฟีดของเราจะมีโฆษณาคั่น 1 ครั้ง ในทุกๆ การไถประมาณ 3 - 6 โพสต์ หากเรากดเข้าไปดูโฆษณาตัวใดตัวหนึ่ง (ไม่ว่าตั้งใจหรือมือลั่น) ไถต่อไปอีกสักพัก เราก็จะเจอกับชุดโฆษณา “คุณอาจถูกใจสิ่งนี้” (You might like) ซึ่งรวมโฆษณาที่ใกล้เคียงกับที่เรากดไป มาอีกเป็นแผง!

ความหวังดีของ Meta ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่บริษัทได้ทดสอบกับบัญชี ‘ครีเอเตอร์’ หรืออินฟลูเอนเซอร์ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์บน Instagram โดย Meta ได้เตรียมแทรกโพสต์โฆษณา คั่นอรรถรสระหว่างที่เรากำลังส่องโปรไฟล์ของครีเอเตอร์คนโปรด โดยได้ทดสอบกับครีเอเตอร์ชาวสหรัฐ ที่มีอายุถึงเกณฑ์ โดยในอนาคตอาจมี ‘ทิป’ เป็นค่าขนมให้กับครีเอเตอร์ที่มีโฆษณาขึ้นบนหน้าโปรไฟล์ โดยสำหรับวิธีปิดฟีเจอร์นี้ ครีเอเตอร์เหล่านั้นจะต้องตั้งค่าบัญชีเป็น ‘บัญชีส่วนตัว’ (ซึ่งคงไม่มีครีเอเตอร์คนไหนทำ!)
 

โฆษณา AR สุดล้ำ ผู้ใช้ได้เล่น แบรนด์ได้ขายของ

ใช่ว่า Meta จะทำเพียงเพิ่มช่องทางในการเสิร์ฟโฆษณาให้กับผู้ใช้ Facebook และไอจีเท่านั้น Meta เองก็ได้ทดลองออกฟีเจอร์โฆษณาแบบใหม่ นั่นคือ ‘ฟิลเตอร์ AR แถมโฆษณา’ ก่อนหน้านี้ หนึ่งฟีเจอร์ที่ประสบความสำเร็จบนไอจี คือ การให้ผู้ใช้สามารถสร้างฟิลเตอร์ (หรือเอฟเฟค) ให้ผู้ใช้คนอื่นๆ นำไปเล่นได้

Meta ต่อยอดฟีเจอร์ดังกล่าว โดยให้ธุรกิจสามารถสร้าง ฟิลเตอร์แบบ AR ให้ผู้ใช้นำไปเล่น โดยพ่วงปุ่มที่พาไปยังเว็บ หรือหน้าร้านของแบรนด์ไว้ด้านท้าย หรือใครไอเดียเก๋ จะออกแบบให้เป็นชาเลนจ์ เพิ่มความสนุก แถมเพิ่มจำนวนผู้เล่น เพิ่มโอกาสเป็นกระแสไวรัลได้อีกด้วย

 

ดันยอดโฆษณา หวังกอบกู้รายได้คืน
 

ไตรมาสสองของปีที่ผ่านมา โชคไม่เข้าข้าง Meta เท่าใดนัก เพราะบริษัทมีรายได้ลดลง “1%” ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่ตั้งบริษัท แม้ 1% จะเป็นตัวเลขที่ฟังดูน้อยนิด แต่ถ้าเทียบกับรายได้รวมที่ 2.88 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1 ล้านล้านบาท) และสัดส่วนรายได้ของบริษัทที่ 97% ของรายได้ มาจากค่าโฆษณาแล้ว ก็คงนับเป็นปัญหาใหญ่ที่มาร์คและทีม Meta จะต้องรีบปรับตัวให้ได้

นอกจากปัญหาเรื่องรายได้ของบริษัทแล้ว Meta ยังค่อยๆ เสียฐานที่มั่นด้านโซเชียลมีเดียให้กับม้ามืดของวงการอย่าง TikTok ที่เข้ามาชิงทั้งส่วนแบ่งตลาดด้านจำนวนผู้ใช้งาน อันดับแอปยอดฮิต รายได้โฆษณา แถมยังเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของผู้ใช้ จนทำให้ทั้ง Meta และ Google ต้องหันมาดันช่องทางวิดีโอคลิปสั้นเพื่อรักษาฐานผู้ใช้เอาไว้

แม้ Meta จะเคยแถลงว่า ยอด Engagement ของ Reels บนแพลตฟอร์มทั้ง Facebook และ Instagram จะคิดเป็น 30% ของยอด Engagement ทั้งหมด แต่ Gizmodo เผยว่า เอกสารภายในที่หลุดออกมาในช่วงเดือนสิงหาคมกลับเผยว่า Reels นั้นมียอด Engagement ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน โดยจำนวนชั่วโมงที่ผู้ใช้งานรับชม Reels เทียบกับเวลาที่ใช้ทั้งหมดบนแอปนั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวของเวลาทั้งหมดที่ใช้บนแพลตฟอร์ม

ซึ่งภายหลัง Meta ก็ออกมาปฏิเสธว่าตัวเลขเหล่านั้นเป็นข้อมูลเก่า และไม่ถูกต้องหากเทียบกับผลงานของ Reels ในปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลชุดใหม่มาล้มล้างข้อมูลชุดที่หลุดออกมานี้แต่อย่างใด ยังไม่นับรวมกับกระแสการเรียกร้องของแฟนๆ ที่อยากให้ Meta ทำให้ Facebook และ Instagram กลับมามีเสน่ห์เหมือนเดิม เลิกพยายามจะเลียนแบบความสำเร็จของ TikTok เสียที

 

นับเป็นโจทย์ใหญ่ของ Meta ที่จะต้องพลิกเกมกลับมาให้ทัน โดยพวกเราจะได้เห็นผลงานการปรับทิศทางใหม่ของมาร์ค และทีม ผ่านรายได้ของบริษัทในไตรมาส 3 ที่กำลังจะเปิดเผยต่อสาธารณชน ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้แล้ว

 ที่มา : Gizmodo, Meta