Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสาหกรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสาหกรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

24 ต.ค. 66
23:22 น.
|
1.8K
แชร์

จากกระแส หนังไทยม้ามืดแห่งปีอย่าง สัปเหร่อ หนังที่ฉายไปได้แค่  18 วัน หรือ 2 สัปดาห์แต่ล่าสุดกวาดรายได้ทั่วประเทศทะลุ 500 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวันนี้ทาง Spotlight พาไปสำรวจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยที่ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจะ ล้มลุกคลุกคลาน แต่ในปี 2566 นี้มีโมเมนตัม ที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกกำลังกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง รวมถึงพาไปดู 10 หนังไทย ที่สามารถทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลของอุตสาหกรรมหนังไทยในเวลานี้

 

ได้เวลาเข้าสู่ยุคฟื้นตัว ของอุตสาหกรรมหนังไทย 

 เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาวงการหนังไทยต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งจาก คุณภาพหนังไทย ปัญหาเศรษฐกิจ และที่หนักที่สุดคือ โรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้โรงหนัง และยิ่งการมาถึงของ สตรีมมิงที่เปลี่ยนพฤติกรรมการชมภาพยนตร์ของผู้ชมชาวไทยไปแบบไม่เหมือนเดิม อีกต่อไป แต่จากการมาของหนังไทย ม้ามืดอย่าง สัปเหร่อ  ที่ฉายมาแค่ 18 วันก็ทำรายได้ไป 500 ล้านบาท (รายได้ทั่วประทศ) คาดว่าจะขึ้นแท่นเป็นหนังไทยอีก 1 ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2566 และกำลังจะทำลายอีกหลายสถิติเนื่องจากหนังยังไม่ออกจากโรงภาพยนตร์

 

นายกฯเศรษฐา เหมาโรง! ชวน "อุ๊งอิ๊งค์-ครม." ดู "สัปเหร่อ"

 เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

หนังเป็นกระแสจน ทำให้ นายก เศรษฐา เตรียมพาครม. ดูหนัง สัปเหร่อ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 19.45 น. ทั้งนี้ยังช่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะไปร่วมชมด้วย โดยเตรียมชูเป็น 1 ในซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาล ผลักดันสู่เวทีสากล

แต่ว่ากว่าจะมี หนังไทยอย่าง  สัปเหร่อ ที่สร้างเวลานี้ได้สร้างปรากฏการณ์ คนแห่เข้าโรงหนังอย่างถล่มทลาย เราไปย้อนดูกันก่อนว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญความยากลำบากอะไรบ้าง

 

ภาพรวมตลาด อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประไทย

 เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

จากข้อมูลของ สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์ไทย และ ค่าย หนัง จีดีเอช ที่บอกว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประไทยมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี โดยหนังที่ครองส่วนแบ่งมากที่สุดคือ ภาพยนตร์ฮอลลีวูด ที่ครองส่วนแบ่งไปถึง  70% และ  ภาพยนตร์ไทย ครองส่วนแบ่งไปแค่  30% เท่านั้น โดยแบ่งได้ดังนี้

  • อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประไทย ปี 2562 มีมูลค่าตลาดรวม 4,600 ล้านบาท หนังต่างประเทศมูลค่า 3,900 ล้านบาทหนังไทยมีมูลค่า 700 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประไทย ปี 2563  มีมูลค่าตลาดรวม 1,000  ล้านบาท หนังต่างประเทศ 700 ล้านบาท และหนังไทย 300 ล้านบาท  สาเหตุที่รายได้ตกเกิดจาก ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลาดภาพยนตร์ไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะโรงภาพยนตร์จำเป็นต้องปิดให้บริการเป็นเวลานานหลายเดือน
  • อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประไทย ปี 2564 มูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท หนังต่างประเทศมีมูลค่า 900 ล้านบาท และหนังไทยมีมูลค่า 200 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประไทย ปี 2565  มูลค่าตลาดอยู่ที่ 2,100 ล้านบาท หนังต่างประเทศมีมูลค่า 1,700 ล้านบาท และหนังไทยมีมูลค่า 414 ล้านบาท

สำหรับในปี 2565 จะเห็นได้ว่าตลาดภาพยนตร์ในไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น มูลค่าตลาดอยู่ที่ 2,100 ล้านบาท จากจำนวนหนังที่เข้าฉาย 40 เรื่อง ทำให้โมเมนตัมในปี 2566 อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกกำลังกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับค่ายหนังต่าง ๆ เริ่มผลิตคอนเทนท์ป้อนโรงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคก็เริ่มกลับมาชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากขึ้น

 

หนังไทยที่ทำเงินมีแต่หนัง  “ผี” และ “ตลก” จริงหรือ
เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

จาก คําครหา ที่ว่า หนังไทยที่ทำเงินมีแต่หนัง  “ผี” และ “ตลก” เท่านั้น  แต่หากพิจารณาจาก 10 อันดับแรกของหนังไทยที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีหลัง พบว่ามีหนังแนวที่หลากหลายมากขึ้น เช่น หนังแอ็กชัน หนังดราม่า หนังสยองขวัญ หนังสารคดี ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากหลายๆปีที่ผ่านมาที่หนังไทยมักถูกจำกัดอยู่เพียงสองแนวหลักคือ “ผี” และ “ตลก”

นอกจากนี้ ความหลากหลายของความคิดสร้างสรรค์ยังเป็นตัวเร่งให้ค่ายหนังเล็ก ๆ หรือน้อยใหม่อย่าง ค่ายเนรมิตรหนังฟิล์ม ที่ทำหนังอย่าง 4Kings หนังแนวนักเลง ที่กวาดรายได้ไป 170 ล้านบาท ขึ้นแท่นภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินเป็นอันดับ 1 ในปี 64 ที่ผ่านมา รวมไปถึง หนังสัตว์ประหลาดอย่าง LEIO โคตรแย้ยักษ์ 

จนมาถึงค่าย เซิ้ง ค่ายหนังบ้านๆ ที่มาพร้อมกับแนวความคิด ป่าล้อมเมือง สร้าง Cinematic Universe ที่เรียกว่า ไทบ้าน  จักรวาลหนัง อีสาน บ้านๆที่ลงตัว ในแบบของตนเองจนโดดเด่นและ ทำต่อออกมาอีกหลายภาคจนล่าสุด กับการมาถึงของ ‘สัปเหร่อ’ หนังบ้านๆที่ทำรายได้ ประมาณการทั่วประเทศ ไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท  ณ วันที่ 24 ตุลาคม และคาดว่าน่าจะแตะหลัก 600-700 ล้านบาทได้ในเวลาอันใกล้

จากความหลากหลายในไม่กี่ปีที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณที่ดีของวงการหนังไทย เพราะมันแสดงให้เห็นว่าผู้ชมเริ่มเปิดรับหนังไทยที่แตกต่างออกไปมากขึ้น ดังนั้นความท้าทายของวงการหนังไทยยังคงมีอยู่ แต่ความหลากหลายของความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่จะช่วยให้วงการหนังไทยสามารถปรับตัวและเติบโตต่อไปได้

 

10 อันดับหนังไทยที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล 

 เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 1 : พี่มาก..พระโขนง 

  • ปีที่หนังฉาย : 2556
  • ค่ายผู้สร้าง: จีทีเอช/จอกว้างฟิล์ม
  • ประเภท : ผี,ตลก
  • ผู้กำกับ: บรรจง ปิสัญธนะกูล
  • นักแสดง: มาริโอ้ เมาเร่อ, ดาวิกา โฮร์เน่, พงศธร จงวิลาส, ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์, อัฒรุต คงราศรี, กันตพัฒน์ สีดา
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 65 ล้านบาท
  • รายได้: 559.59 ล้านบาท (รายได้ประมาณการทั่วประเทศ 1,000 ล้านบาท)



เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 2 : ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้

  • ปีที่หนังฉาย : 2557
  • ค่ายผู้สร้าง: จีทีเอช/จอกว้างฟิล์ม
  • ประเภท : หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้
  • ผู้กำกับ: เมษ ธราธร
  • นักแสดง: ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, ภพธร สุนทรญาณกิจ, โจ๊ก โซคูล, กุลญาดา ตาวิยะ, ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด, โซระ อาโออิ
  • ทุนสร้าง : TBC
  • รายได้: 330.55 ล้านบาท 

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 3 : สุริโยไท

  • ปีที่หนังฉาย :2544
  • ค่ายผู้สร้าง: สหมงคลฟิล์ม/พร้อมมิตร โปรดักชั่น
  • ประเภท : แอ็คชั่น,ดราม่า,อิงประวัติศาสตร์
  • ผู้กำกับ: หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
  • นักแสดง: หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี, ศรัณยู วงศ์กระจ่าง, ฉัตรชัย เปล่งพานิช, จอนนี่ แอนโฟเน่, ใหม่ เจริญปุระ, สรพงษ์ ชาตรี, อำพล ลำพูน
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 400 ล้านบาท
  • รายได้: 324.5 ล้านบาท (รายได้ประมาณการทั่วประเทศ 550 ล้านบาท)

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 4 : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1 องค์ประกันหงสา 

  • ปีที่หนังฉาย : 2550
  • ค่ายผู้สร้าง: สหมงคลฟิล์ม/พร้อมมิตร โปรดักชั่น
  • ประเภท : แอ็คชั่น,ดราม่า,อิงประวัติศาสตร์
  • ผู้กำกับ: หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
  • นักแสดง: ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์, จิรายุ ละอองมณี, สุชาดา เช็คลีย์, ฉัตรชัย เปล่งพานิช, สมภพ เบญจาธิกุล, สรพงศ์ ชาตรี, ศรัณยู วงศ์กระจ่าง, สันติสุข พรหมศิริ
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 700 ล้านบาท (รวม 6 ภาค)
  • รายได้: 236.7 ล้านบาท

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 5 : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 ประกาศอิสรภาพ 

  • ปีที่หนังฉาย : 2550
  • ค่ายผู้สร้าง: สหมงคลฟิล์ม/พร้อมมิตร โปรดักชั่น
  • ประเภท : แอ็คชั่น,ดราม่า,อิงประวัติศาสตร์
  • ผู้กำกับ: หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
  • นักแสดง: ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์, จิรายุ ละอองมณี, สุชาดา เช็คลีย์, ฉัตรชัย เปล่งพานิช, สมภพ เบญจาธิกุล, สรพงศ์ ชาตรี, ศรัณยู วงศ์กระจ่าง, สันติสุข พรหมศิริ
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 700 ล้านบาท (รวม 6 ภาค)
  • รายได้: 216.87 ล้านบาท

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 6 : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 ยุทธหัตถี

  • ปีที่หนังฉาย : 2557
  • ค่ายผู้สร้าง: สหมงคลฟิล์ม/พร้อมมิตร โปรดักชั่น
  • ประเภท : แอ็คชั่น,ดราม่า,อิงประวัติศาสตร์
  • ผู้กำกับ: หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
  • นักแสดง: พลตรีวันชนะ สวัสดี, ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ, นพชัย ชัยนาม, อินทิรา เจริญปุระ, จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์, สรพงษ์ ชาตรี
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 700 ล้านบาท (รวม 6 ภาค)
  • รายได้: 206.86 ล้านบาท

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 7 : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ยุทธนาวี 

  • ปีที่หนังฉาย : 2554
  • ค่ายผู้สร้าง: สหมงคลฟิล์ม/พร้อมมิตร โปรดักชั่น
  • ประเภท : แอ็คชั่น,ดราม่า,อิงประวัติศาสตร์
  • ผู้กำกับ: หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
  • นักแสดง: พลตรีวันชนะ สวัสดี, ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 700 ล้านบาท (รวม 6 ภาค)
  • รายได้: 202.9 ล้านบาท

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 8 : ต้มยำกุ้ง

  •  ปีที่หนังฉาย : 2548
  • ค่ายผู้สร้าง: สหมงคลฟิล์ม/บาแรมยู
  • ประเภท : แอ็คชั่น
  • ผู้กำกับ: ปรัชญา ปิ่นแก้ว
  • นักแสดง: ทัชชกร ยีรัมย์, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, บงกช คงมาลัย
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 180 ล้านบาท
  • รายได้: 183.35 ล้านบาท  (รายได้ประมาณการทั่วโลก 981 ล้านบาท)

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 9 : บุพเพสันนิวาส 2

  • ปีที่หนังฉาย : 2565
  • ค่ายผู้สร้าง: จีดีเอช/บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น
  • ประเภท : หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้
  • ผู้กำกับ: อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม
  • นักแสดง: ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, ราณี แคมเปน, พาริส อินทรโกมาลย์สุต, ชานน สันตินธรกุล, ปวีณ์นุช แพ่งนคร, นิมิตร ลักษมีพงศ์, สุวัจนี พานิชชีวะ
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 100 ล้านบาท
  • รายได้: 170.19 ล้านบาท (รายได้ประมาณการทั่วประเทศ 393 ล้านบาท)

 

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสหากรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้

อันดับที่ 10 : นาคี 2

  • ปีที่หนังฉาย :2561
  • ค่ายผู้สร้าง: ดู เอ็นเตอร์เทนเม้นท์/เอ็ม พิคเจอร์ส
  • ประเภท : หนังรักโรแมนติก, แฟนตาซี,สยองขวัญ
  • ผู้กำกับ: พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
  • นักแสดง: ณฐพร เตมีรักษ์, ณเดชน์ คูกิมิยะ, อุรัสยา เสปอร์บันด์, ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค, สมพงษ์ คุนาประถม, ปอยฝ้าย มาลัยพร
  • ทุนสร้าง : ประมาณ 50 ล้านบาท
  • รายได้: 161.19 ล้านบาท (รายได้ประมาณการทั่วประเทศ 417.55 ล้านบาท)

 

(หมายเหตุ: รายได้ของหนังไทยใน 10 อันดับ นี้เป็นการเรียงลำดับจากรายได้เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดเชียงใหม่ มีเพียงหนังบางเรื่องที่มีการเปิดเผยรายได้ประมาณการจากการฉายทั่วประเทศ  ทั้งนี้ ผู้ผลิตอาจทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายเองก็ได้ โดยตัดบทบาทของพ่อค้าคนกลางออกไป ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ผลิตได้รายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า ซึ่งลักษณะนี้จะใช้ในเขตกรุงเทพมหานคร  และ ปริมณฑล เป็นหลัก โดยผู้ผลิตจะติดต่อกับโรงภาพยนตร์ในพื้นที่โดยตรง และตกลงแบ่งรายได้กันในสัดส่วนที่แน่นอน (ส่วนใหญ่ตกลงแบ่งรายได้กันในอัตราส่วน 50:50) คำนวณจากตั๋วภาพยนตร์ที่ขายได้ ตัวเลขรายได้จะสะท้อนความสำเร็จของภาพยนตร์ได้อย่างแท้จริง แต่ปัญหาคือการติดต่อโดยตรงเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ผลิตเช่นกัน เพราะนอกจากจะต้องเป็นผู้ติดต่อเอง ผู้ผลิตยังต้องส่งผู้ควบคุมไปตรวจสอบที่โรงภาพยนตร์ว่าขายตั๋วภาพยนตร์ได้ตามจำนวนเงินที่แจ้งมาหรือไม่ ซึ่งผู้ผลิตภาพยนตร์ในประเทศไทยเองไม่ได้มีเงินทุนสูง จึงใช้ระบบติดต่อกันโดยตรงแค่ในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดเชียงใหม่ เท่านั้น)



ที่มา: Wikipedia, Thailand Box Office,สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์ไทย และ จีดีเอช

แชร์

เกาะกระแส สัปเหร่อ ฟื้นอุตสาหกรรมหนังไทย คาดทำรายได้สูงสุดในปีนี้