จากการจัดอันดับของ Forbes ในปี 2023 ที่ผ่านมามหาเศรษฐีโลกมีทรัพย์สินรวมเพิ่มขึ้นทะลุ 115 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 9%! ตั้งแต่ Tesla ไปจนถึง Alphabet ล้วนแล้วแต่รับทรัพย์ถล่มทลาย
Forbes คือสื่อที่ติดตามมหาเศรษฐีโลกมาตั้งแต่ปี 1987 จนถึงปัจจุบันและในปี 2023 ที่ผ่านมานี้ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน มหาเศรษฐี 10 อันดับแรกของโลกมีทรัพย์สินรวม 1.44 ล้านล้านดอลล์ เพิ่มขึ้นจาก 1.32 ล้านล้านดอลล์เมื่อเดือนก่อน
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21 ธ.ค.2566 การจัดอันดับของฟอร์บ พบว่า Elon Musk เจ้าพ่อ Tesla รวยเพิ่ม 28 พันล้าน ทะยานสู่อันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง ราคาหุ้น Tesla พุ่ง 17% ทำให้เขาตอนนี้มีทรัพย์สิน 250 พันล้านดอลล์ นอกจาก Tesla แล้ว Musk ยังมี SpaceX กับ X (อดีต Twitter) อยู่ในมือด้วย
ส่วนอันดับ 2 คือ Bernard Arnaul ซึ่ง เมื่อช่วงต้นปี 2023 Bernard Arnault แห่ง LVMH ยึดตำแหน่งมหาเศรษฐีโลกไปได้พักนึง แต่ Musk ก็กลับมาทวงบัลลังก์คืนได้เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา จนถึง ณ ปัจจุบัน Arnault รั้งอันดับ 2 ด้วยทรัพย์สิน $ 203 พันล้านดอลล์ Arnault ปั้น LVMH ให้เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการของหรู ครอบคลุมแบรนด์ดังมากมายตั้งแต่ Louis Vuitton และ Christian Dior ไปจนถึง Tiffany & Co. และ Sephora
อันดับที่ 3 Jeff Bezos แห่ง Amazon มีทรัพย์สินอยู่ $ 174 พันล้านดอลล์ ตามมาด้วย Larry Ellison แห่ง Oracle ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 4 ด้วยทรัพย์สิน $133 พันล้านดอลล์ อันดับ 5. Mark Zuckerberg มี ทรัพย์สิน $123 พันล้านดอลล์ อันดับ 6. Warren Buffett มีทรัพย์สิน $ 118.8 พันล้านดอลล์ อันดับ 7 Bill Gates มีทรัพย์สิน $ 118.3 พันล้านดอลล์ อันดับ 8 Larry Page มีทรัพย์สิน $ 116 พันล้านดอลล์ อันดับ 9 Sergey Brin มีทรัพย์สิน $ 115 พันล้านดอลล์ และ อันดับ 10 Steve Ballmer มีทรัพย์สิน $110.9 พันล้านดอลล์
1.อีลอน มัสก์
อีลอน มัสก์ เป็นเจ้าของทั้งบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla, บริษัทจรวด SpaceX และโซเชียลมีเดีย X (เดิมชื่อ Twitter) เขามีหุ้น Tesla เกือบ 25% ทั้งแบบถือตรงและสิทธิซื้อหุ้น แต่เอาบางส่วนไปค้ำประกันกู้ บริษัทรถยนต์ Tesla ทำรายได้ให้เขาเยอะสุดโดยเฉพาะปี 2023 ที่ผ่านมาและเมื่อเดือนตุลาคม 2022 มัสก์ซื้อ X (ตอนนั้นยังชื่อ Twitter) มาด้วยราคา 44 พันล้านดอลลาร์ ตอนนี้ถือหุ้นเกินครึ่ง แต่บริษัทฯ มูลค่าลดฮวบไม่ถึงครึ่งจากราคาที่ซื้อมาตอนแรกแล้ว และในตอนต้น ปี 2023 หลังจากร่วงลงในอันดับ Forbes อีลอน มัสก์ ก็กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอีกครั้งในวันที่ 8 มิถุนายน 2023 และยังคงครองอันดับ 1 จนถึง ปัจจุบัน
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เป็นซีอีโอและประธานของ LVMH ซึ่งเป็นบริษัทสินค้า แบรนด์เนม หรูหราที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีแบรนด์แฟชั่นและเครื่องสำอางประมาณ 70 แบรนด์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ Louis Vuitton, Christian Dior, Moet & Chandon และ Sephora ในเดือนมกราคม ปี 2021 LVMH ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทอัญมณี Tiffany & มูลค่า 15.8 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ อาร์โนลต์ ยังเคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 แต่เขาตกลงไปอยู่อันดับ 2 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2023
3.เจฟฟ์ เบซอส
เจฟฟ์ เบโซส ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Amazon ในเดือนกรกฎาคม 2021 แต่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริษัท เดือนเดียวกันนั้นเอง เขาได้มีโอกาสท่องอวกาศกับจรวดของบริษัท Blue Origin ซึ่งเป็นบริษัทสร้างจรวดเอกชนที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งและทุ่มเงินลงทุนมหาศาล ล่าสุด ในช่วงระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2023 ทรัพย์สินของเขาพุ่งขึ้นถึง 12.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาหุ้น Amazon ที่ขยับขึ้น
ในปี 2019 เบโซสและแมคเคนซีภรรยาหย่ากัน ตามข้อตกลง เธอได้รับหุ้น Amazon 4% ส่วนเขาเก็บไว้ 12% ตั้งแต่นั้น เขาขายและบริจาคหุ้นไปอีกมากมาย เหลือถือหุ้นเพียงไม่ถึง 10% ของบริษัท ทาง ฟอร์บส์ ได้คำนวณว่า ตั้งแต่ Amazon เข้าตลาดในปี 1997 เขาขายหุ้นไปแล้วกว่า 27 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้เขายังได้ลงทุนในบริษัทต่างๆ มากมายผ่าน Bezos Expeditions รวมถึง Airbnb และบริษัทซอฟต์แวร์ Workday
4.ลาร์รี เอลลิสัน
Larry Ellison เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ Oracle ตั้งแต่ในปี 1977 และดำรงตำแหน่ง CEO จนถึงปี 2014 ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ออราเคิลได้เข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่หลายครั้ง โดยซื้อซัน ไมโครซิสเต็มส์ ในปี 2553
เอลลิสัน ลงทุนใน Tesla และดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการของบริษัทรถยนต์ตั้งแต่ปี 2018 ถึงเดือนสิงหาคม 2022 ในเดือนมิถุนายน 2023 Ellison แซงหน้า Jeff Bezos ขึ้นเป็นอันดับสาม คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตามราคาหุ้นของ Oracle ที่พุ่งสูงขึ้น จากนั้นหุ้นก็ร่วงลงและเอลลิสันก็กลับมารวยเป็นอันดับสี่อีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบัน
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ร่วมก่อตั้งเฟสบุ๊ก ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Meta Platforms ตอนที่เขายังเป็นนักศึกษาที่ Harvard University ในปี 2004 ปัจจุบัน Meta เติบโตกลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ใช้งานรายเดือนถึง 3.88 พันล้านคน! บริษัทนี้ยังเป็นเจ้าของ Instagram และ WhatsApp อีกด้วย ซึ่งซัคเคอร์เบิร์กซื้อมาและขยายให้เติบโตขึ้นอย่างมาก
ซัคเคอร์เบิร์ก ในฐานะ CEO ของ Meta นำบริษัทเข้าตลาดในปี 2012 และยังคงถือหุ้นอยู่ราว 13% เขาร่วมกับภรรยา พริสซิลลา ชาน ให้คำมั่นว่าจะบริจาคหุ้น 99% ของพวกเขาใน Meta "เพื่อสนับสนุนแนวทางต่างๆ ที่ส่งเสริมศักยภาพของมนุษยชาติ" หนึ่งในเป้าหมายอันทะเยอทะยานที่พวกเขามีส่วนสนับสนุนคือ การพัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยให้ผู้อื่นรักษา จัดการ ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บทั้งหมด ภายในสิ้นศตวรรษนี้
"วอร์เรน บัฟเฟตต์" หรือที่ใครๆ รู้จักในนาม "โหรแห่งโอมาฮา" ถือเป็นนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งตลอดกาล เขาเป็นหัวเรือใหญ่ของ Berkshire Hathaway บริษัทลงทุนขนาดยักษ์ ที่ครอบคลุมธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่บริษัทประกัน Geico, ผู้ผลิตแบตเตอรี่ Duracell, ไปจนถึงเครือร้านอาหาร Dairy Queen บัฟเฟตต์ เริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกตั้งแต่อายุ 11 ปี และเริ่มยื่นภาษีตั้งแต่อายุ 13
ในปี 2010 บัฟเฟตต์ ร่วมกับ บิล เกตส์ และเมลินดา เฟรนช์ เกตส์ ริเริ่มโครงการ Giving Pledge ชวนเหล่ามหาเศรษฐีบริจาคอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินให้การกุศล บัฟเฟตต์เองประกาศบริจาคมากถึง 99% ของทรัพย์สิน! จนถึงปัจจุบัน บริจาคหุ้น Berkshire Hathaway ไปแล้วกว่า 51.5 พันล้านดอลลาร์ ให้ทั้งมูลนิธิเกตส์และมูลนิธิของลูกๆ ตัวเอง ล่าสุด เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บัฟเฟตต์บริจาคหุ้น Berkshire Hathaway อีก 4.6 พันล้านดอลลาร์ และแม้ช่วงระหว่าง 1 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม ทรัพย์สินเขาจะลดลงไปอีก 5 พันล้านดอลลาร์
"บิล เกตส์" หนุ่มน้อยผู้หลงใหลโปรแกรมตั้งแต่วัยรุ่น เขาถึงขนาดทิ้งฮาร์วาร์ดมาเพื่อร่วมก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ "ไมโครซอฟท์" กับเพื่อนสมัยมัธยม พอล อัลเลน ในปี 1975 สร้างซอฟต์แวร์ชุดแรกๆ สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยุคบุกเบิก เกตส์ดำรงตำแหน่ง CEO นานถึง 25 ปี และประธานบริษัทอีกจนถึงปี 2014 แม้จะลาออกจากคณะกรรมการในปี 2020 แต่เขายังเผยกับ Forbes ต้นปี 2023 ว่ายังทุ่มเวลา 10% ให้กับการให้คำปรึกษาทีมต่างๆ ภายในไมโครซอฟท์ ปัจจุบัน เกตส์ลงทุนในหลากหลายบริษัท ตั้งแต่กำจัดขยะอย่าง Republic Services ไปจนถึงทำเครื่องมือการเกษตร Deere & Co. อีกทั้งยังเป็นเจ้าของที่ดินเกษตรกรรมรายใหญ่ของสหรัฐฯ อีกด้วย!
8.แลร์รี เพจ
แลร์รี เพจ หนึ่งในผู้ก่อตั้งกูเกิล เสิร์ชเอนจิน เครื่องมือค้นหาชื่อก้องโลก ร่วมกับเซอร์เกย์ บริน เพื่อนนักเรียนปริญญาเอกสแตนฟอร์ด ในปี 1998 เขาเคยดำรงตำแหน่ง CEO สองช่วง คือ ค.ศ. 2001 และ ค.ศ. 2011-2015 ปัจจุบันยังคงเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของ Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล และถือหุ้นในสัดส่วนที่มากพอจะควบคุมบริษัท และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น Alphabet กระโดดขึ้น 15% ส่งผลให้ เพจ ไต่ระดับขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับมหาเศรษฐีโลก และมูลค่าทรัพย์สินยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6.6 พันล้านดอลลาร์ จากราคาหุ้น Alphabet ที่ดีดขึ้นเกือบ 5%
เซอร์เกย์ บริน หนึ่งในผู้ก่อตั้งกูเกิล เสิร์ชเอนจิน เครื่องมือค้นหาชื่อก้องโลก ร่วมกับ แลร์รี เพจ บริน ก้าวลงจากตำแหน่งประธาน Alphabet บริษัทแม่ของ Google ในเดือนธันวาคม 2019 แต่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และคณะกรรมการบริษัท บริน ย้ายมาอยู่สหรัฐฯ กับครอบครัวตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบ เพื่อหนีการเหยียดเชื้อชาวยิว ปัจจุบันเขาเป็นผู้อพยพที่รวยที่สุดในอเมริกา ยังคงเป็นผู้ควบคุมหุ้นของ Alphabet นอกจากความสำเร็จด้านธุรกิจ บรินยังเป็นผู้ใจบุญ เขาเปิดเผยว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคพาร์กินสันมากกว่าคนทั่วไป จึงบริจาคเงินกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับโรคประสาทเสื่อมนี้ โดยเน้นที่การพัฒนาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
10 สตีฟ บอลเมอร์
สตีฟ บอลเมอร์ คือเพื่อนร่วมชั้นมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของบิล เกตส์ เข้าร่วมไมโครซอฟท์ในฐานะพนักงานหมายเลข 30 ในปี 1980 หลังจากลาออกจากปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจที่ Stanford University เขาดำรงตำแหน่ง CEO ของไมโครซอฟท์ตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2014
หลังเกษียณจากไมโครซอฟท์ บอลเมอร์ซื้อทีมบาสเกตบอล Los Angeles Clippers ด้วยเงิน 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของทีม NBA ในเวลานั้น ปัจจุบัน Forbes ประเมินมูลค่าทีมไว้ที่ 4.65 พันล้านดอลลาร์ และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ ทรัพย์สินของบอลเมอร์เพิ่มขึ้นถึง 10 พันล้านดอลลาร์ภายในเดือนที่ผ่านมา จากราคาหุ้นไมโครซอฟท์ที่พุ่งขึ้น 9%
ที่มา Forbes