Henley & Partners ได้ทําการสํารวจร่วมกับ New World Wealth เพื่อจัดอันดับเมืองที่ร่ำรวยที่สุดทั่วโลก โดยวัดจากมูลค่าทรัพย์สินของประชากรเศรษฐีระดับ “Millionnaire” (ทรัพย์สิน 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป) เเละ มหาเศรษฐีระดับ “Billionnaire” (ทรัพย์สินพันล้านดอลลาร์ขึ้นไป) ในเมืองนั้นๆ
จากผลสำรวจของ Henley & Partners ร่วมกับ New World Wealth พบว่า สหรัฐ มี3 เมืองติดอันดับ นั้นก็คือ นิวยอร์กซิตี้ (อันดับ 1), เบย์ แอเรีย, ซานฟรานซิสโก (อันดับ 2) และ ลอสแอนเจลิส (อันดับ 6)
นิวยอร์กซิตี้ (New York City) มีเศรษฐีระดับ “Millionnaire” (ทรัพย์สิน 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป) อาศัยอยู่ถึง 359,500 คน และมหาเศรษฐีระดับ “Billionnaire” (ทรัพย์สินพันล้านดอลลาร์ขึ้นไป) อีก 60 คน
จากผลสำรวจยังคงชี้ว่า ประชากรเศรษฐีเงินล้านในนิวยอร์กมีอัตราที่เพิ่มขึ้นกว่า 48% ในช่วง10ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2556 – 2566) ซึ่งมีจำนวนมากซะยิ่งกว่าประชากรทั้งหมดในเมืองเล็กๆ อย่างในสหรัฐอย่าง ออร์แลนโด (Orlando) หรือพิตส์เบิร์ก (Pittsburgh)
ทำให้ ปัจจุบันเศรษฐีชาวนิวยอร์กมีความมั่งคั่งมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศบราซิล แคนาดาหรือแม้แต่ประเทศทีเต็มไปด้วยพลังแห่ง soft power อย่างอิตาลีเสียอีก
ส่วนย่านซานฟรานซิสโก และอ่าวเบย์ แอเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ของเศรษฐีเงินล้านกว่า 305,700 คน ซึ่งคิดเป็นประชากรเศรษฐีที่เพิ่มขึ้นกว่า 82% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และมีจำนวนมหาเศรษฐีกว่า 68 คน
จากตัวเลขประชากรเศรษฐีเงินล้าน และมหาเศรษฐีของสหรัฐ ฯ ที่เพิ่มขึ้นสูง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศชี้ให้สหรัฐ ฯ กลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่มีมั่งคั่งมากที่สุดในโลกโดยปริยาย จากการรายงาน ยังคงระบุอีกว่า เฉพาะสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวก็มีเมืองติดอันดับ 1 ใน 50 เมืองที่ร่ำรวยที่สุดถึง 11 เมืองไปแล้ว
ในด้านของเมืองลอสแอนเจลิส ก็ได้ก้าวสู่อันดับ 6 เมืองแห่งความมั่งคั่งที่เต็มไปด้วยเศรษฐีเงินล้านที่เพิ่มขึ้นกว่า 45%
นักวิเคราะห์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้สหรัฐฯเต็มไปไปด้วยประชากรที่มีความมั่งคั่ง เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทสหรัฐฯ ได้กลายเป็นตลาดแห่งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย บริษัทความบันเทิงที่นำเทรนด์โลก ประกอบกับการเติบโตของตลาดหุ้น ที่ส่งผลให้เกิดความมั่งคั่งที่สูงเป็นประวัติการณ์
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 นั้นเปรียบเสมือนการเร่งเครื่องให้กับกลุ่มคนรวยที่สุด 1% ของสหรัฐ เพิ่มพูนความมั่งคั่งขึ้นกว่า 40% ตามข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
นอกจากนี้ แอนดรูว์ อามิลส์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ New World Wealth ยังเสริมว่า "ที่น่าสังเกตคือ เมืองต่างๆ ในสหรัฐมีการเติบโตที่เหนือกว่าเมืองตะวันตกอื่นๆ อย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่งคั่งโดยรวมหรือจำนวนเศรษฐีเงินล้าน"
เยอร์ก สเตฟเฟน ซีอีโอของ Henley & Partners กล่าวว่า ตลาดการเงินเป็นเครื่องจักรสำคัญในการสร้างสะสมความมั่งคั่งในหมู่นักลงทุนของสหรัฐ เนื่องจาก ราคาของบิตคอยน์มีการพุ่งทะยานสูงขึ้น รวมถึงพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีบล็อกเชน
ในขณะที่สหรัฐ เราได้เห็นกลุ่มเศรษฐีและมหาเศรษฐีร่ำรวยเพิ่มขึ้น แต่หลายเมืองทั่วโลกกลับรวยน้อยลง เช่น โตเกียว เมืองที่เคยร่ำรวยที่สุดที่สุดในโลกเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันกลับร่วงตกมาอยู่ในอันดับ 3 โดยจำนวนประชากรเศรษฐีเงินล้านลดลงกว่า 5% เหลือเพียงแค่ 298,300 คน
เช่นเดียวกันกับ เมืองลอนดอน ที่เคยครองตำแหน่งเมืองที่ร่ำรวยที่สุดมานานหลายปี แต่ในครั้งนี้กลับร่วงอยู่สู่อันดับที่ 5 เนื่องจากผลกระทบของเบร็กซิท (Brexit) การคว่ำบาตรของรัสเซียและนโยบายอื่นๆ ทำให้จำนวนเศรษฐีเงินล้านในลอนดอนลดลง 10% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
กรุงปักกิ่ง มีจำนวนเศรษฐีเงินล้านกว่า 125,600 คนเพิ่มขึ้นกว่า 90% ในช่วง10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศจีนติดอันดับ 1 ใน 10 เป็นครั้งแรกจากการจัดลำดับ
เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ประเทศที่ได้อานิสงค์การจากย้ายถิ่นฐานของคนรวยออกจากจีนกว่า 3,400 คนที่ย้ายเข้าสิงคโปร์ในปี 2566 เพียงปีเดียว ทำให้จำนวนเศรษฐีเงินล้านสัญชาติสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นถึง 64% เป็น 244,800 คน ดีดตัวพุ่งสู่ลำดับที่ 4 จากการจัดอันดับในครั้งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าสิงคโปร์จะสามารถแย่งชิงตำแหน่งจากโตเกียว ได้ในเร็วๆ นี้
1.นิวยอร์กซิตี้, สหรัฐ ฯ
จํานวนเศรษฐี : 349,500 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 60 คน
2.เบย์ แอเรีย , ซานฟรานซิสโก, สหรัฐ ฯ
จํานวนเศรษฐี : 305,700 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 68 คน
3.โตเกียว, ญี่ปุ่น
จํานวนเศรษฐี : 298,300 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 14 คน
4.สิงคโปร์
จํานวนเศรษฐี : 244,800 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 30 คน
5.ลอนดอน, อังกฤษ
จํานวนเศรษฐี : 227,000 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 35 คน
6.ลอสแอนเจลิส, สหรัฐ ฯ
จํานวนเศรษฐี : 212,100 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 43 คน
7.ปารีส และ อิล เดอร์ ฟรองซ์, ฝรั่งเศส
จํานวนเศรษฐี : 165,000 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 23 คน
8.ซิดนีย์, ออสเตรเลีย
จํานวนเศรษฐี : 147,000 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 20 คน
9.ฮ่องกง
จํานวนเศรษฐี : 143,400 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 35 คน
10.ปักกิ่ง, จีน
จํานวนเศรษฐี : 125,600 คน
จํานวนมหาเศรษฐี : 42 คน
ที่มา : Henley & Partners