ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok วิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน ตั้งเป้าขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสหรัฐสูงขึ้น 10 เท่า เพื่อท้าชิงเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon
ByteDance ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2555 โดย Zhang Yiming และ Liang Rubo สิริรวมอายุกว่า 12 ปี และยังคงเติบโตต่อเนื่องจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ในโลกอินเทอร์เน็ต เวลานี้บริษัทมีมูลค่ากว่า 2 แสนดอลลาร์ จากแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสุดฮิตอย่าง TikTok และ Douyin ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จของ TikTok ส่วนหนึ่งมาจากโมเดลอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ โดย TikTok Shop เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดของบริษัท สำหรับในปี 2566 ที่ผ่านมา รายรับของ ByteDance เพิ่มขึ้นประมาณ 30% เป็นมูลค่ากว่า 1.10 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแซงหน้าการเติบโตที่คาดการณ์ไว้ของคู่แข่งด้านโซเชียลมีเดียที่มีชื่อเสียงอย่าง Meta Platforms Inc. และ Tencent Holdings Ltd.
จากรายงานของทาง สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า เป้าหมายของ ByteDance Ltd. บริษัทแม่ เจ้าของ TikTok ต้องการ ขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสหรัฐสูงขึ้นเป็น 10 เท่า โดยจะต้องมีรายได้ 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2567 จึงเร่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในสหรัฐ
หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ TikTok Shop ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้าและซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ได้โดยตรงจากภายในแอป TikTok พร้อมกับผสมผสานความบันเทิงออนไลน์เข้ากับ impulse buying (การกระตุ้นด้วยแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ทั้งในเรื่องของราคา ของแถม และอื่นๆ) เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่านวิดีโอและไลฟ์สตรีมจากอินฟลูเอนเซอร์หรือแบรนด์ต่างๆ ได้โดยตรง
ByteDance เชื่อว่า จุดแข็งด้านโซเชียลมีเดียและวิดีโอไวรัลของ TikTok จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดผู้ซื้อไปยังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตน ทาง TikTok จะใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น วิดีโอแนะนำสินค้า แคมเปญการตลาด และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกสนานและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
หากเป็นไปตามเป้าหมาย ที่ TikTok วางไว้ จะเป็นการท้าทายโดยตรงต่อยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในสหรัฐ อย่าง Amazon ที่เป็นเจ้าตลาดในเวลานี้ นอกจาก Amazon แล้ว TikTok ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนอย่าง Shein และ Temu ของ PDD Holdings Inc. ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกันในสหรัฐวัดจาก อย่างไรก็ตาม TikTok เชื่อว่า จุดแข็งด้านความบันเทิงและวิดีโอไวรัลจะช่วยให้ตนสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
นอกจากนี้ ByteDance ยังมีแผนที่จะส่งออกโมเดลอีคอมเมิร์ซไปทั่วโลก โดยในตลาดสหรัฐอเมริกาทาง TikTok เสนอการจัดส่งฟรี และเงินอุดหนุนแก่อินฟลูเอนเซอร์ขายอุปกรณ์ เสื้อผ้าและเครื่องสำอางในวิดีโอและสตรีมสด โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจาก Black Friday และ Cyber Monday ทำให้ TikTok สามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ในสหรัฐมากกว่า 5 ล้านคน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทาง TikTok ได้ประกาศว่า จะเพิ่มค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ค้าเป็น 6% ของการขายแต่ละครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน และเพิ่มเป็น 8% ในเดือนกรกฎาคมสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดโปรโมชั่นที่ใช้เพื่อดึงดูดผู้ขาย แต่แม้ว่าค่าคอมมิชชันเหล่านั้นจะยังคงต่ำกว่าค่าธรรมเนียมผู้ขายของ Amazon ที่อยู่ที่ประมาณ 15% แต่ก็ยังถือเป็นสัญญาณที่เพิ่มขึ้นว่า TikTok กำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ที่มา สำนักข่าวบลูมเบิร์ก