รายงาน Ecommerce in Southeast Asia 2023 ของ Momentum Works บริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจในสิงคโปร์ ระบุว่า ยอดขายสินค้าโดยรวม (Gross Merchandise Value หรือ GMV) บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2565 มีมูลค่าอยู่ที่ 99.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 1.8 เท่า จากปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดราว รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
Shopee ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่ง ตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า Shopee และ Lazada เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 2 อันดับแรกในประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกเว้นอินโดนีเซีย โดยแบ่งเป็น
- Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ สิงคโปร์ จาก Sea Group ครองส่วนแบ่งอันดับ 1 อยู่ที่ 47.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Lazada แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ จีน จาก อาลีบาบา ครองส่วนแบ่งอันดับ 2 อยู่ที่ 20.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Tokopedia แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ อินโดนีเซีย โดยมี TikTok เป็นผู้ถือหุ้นกว่า 75.01% ครอง อันดับ 3 อยู่ที่ 18.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Bukalapak แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ อินโดนีเซีย ครองส่วนแบ่งอันดับ 4 อยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- TikTok Shop แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ จีน ครองส่วนแบ่งอันดับ 5 อยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Blibli แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ อินโดนีเซีย ครองส่วนแบ่งอันดับ 6 อยู่ที่ 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Tiki แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ เวียดนาม ครองส่วนแบ่งอันดับ 7 อยู่ที่ 0.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Amazon แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ อเมริกัน ครองส่วนแบ่งอันดับ 8 อยู่ที่ 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Sendo แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสัญชาติ เวียดนาม ครองส่วนแบ่งอันดับ 8 อยู่ที่ 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หากรวม มูลค่า GMV(Gross Merchandise Value) ทั้งหมดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะอยู่ที่ 175 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2571 ภายใต้สถานการณ์ปกติ และจะมีโอกาสเพิ่มมูลค่าเป็น 232 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจการค้าที่ดีที่สุด ส่วนภาพรวมอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี 2565 เมื่อจำแนกภาพการแข่งขันในปี 2565 เป็นรายประเทศ จะพบว่ามีรายละเอียดดังนี้
ประเทศไทย
แพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ
- Shopee 56%
- Lazada 40%
- TikTok Shop 4%
มีมูลค่ายอดขายสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศ สิงคโปร์
แพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ
- Shopee 53%
- Lazada 35%
- Amazon Singapore 11%
- TikTok Shop 1%
มีมูลค่ายอดขายสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศ อินโดนีเซีย
แพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ
- Shopee 36%
- Tokopedia 35%
- Lazada 10%
- Bukalapak 10%
- TikTok Shop 5%
- Blibli 4%
มีมูลค่ายอดขายสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 5.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับอินโดนีเซียเป็นประเทษเดียวที่รัฐบาลออกกฎสนับสนุน GMV ของภายในประเทศสูงถึง 52%
ประเทศ ฟิลิปปินส์
แพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ
- Shopee 60%
- Lazada 36%
- TikTok Shop 4%
มีมูลค่ายอดขายสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศ เวียดนาม
แพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ
- Shopee 63%
- Lazada 23%
- Tiki.VN 6%
- TikTok Shop 4%
- Sendo 4%
มีมูลค่ายอดขายสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศ มาเลเซีย
แพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ
- Shopee 78%
- Lazada 19%
- TikTok Shop 3%
มูลค่ายอดขายสินค้าโดยรวมอยู่ที่ 8.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การแข่งขันที่เข้มข้น จะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตในอนาคต
Momentum Works มองว่าปัจจัยที่จะส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือการบุกตลาดของ “Temu” แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากผู้ให้บริการรายใหญ่ในจีนอย่าง Pinduoduo ที่ชูจุดเด่นขายสินค้าในราคาถูกมาก จนสามารถบุกตลาดในสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ
การมาถึงของ Temuอ จะกระตุ้นการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซ ผู้เล่นเดิมอย่าง Shopee และ Lazada ต้องปรับกลยุทธ์ สร้างนวัตกรรม และเสนอโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า ส่งผลให้ตลาดกลับมาคึกคัก บรรยากาศการแข่งขันดุเดือด
นอกจากนี้ กรณีที่หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดนเฉพาะ จีนและสหรัฐฯ หลุดพ้นจากภาวะถดถอย เศรษฐกิจกลับมาแข็งแกร่ง จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งเสริมกำลังซื้อผู้บริโภค การค้าข้ามพรมแดน และการลงทุนต่างๆ แต่หากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง จะส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภค ธุรกิจขนาดเล็ก และการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้า