Sir Stamford Raffles Group (SSRG) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสิงคโปร์ เปิดตัว Marum Estate (มารุม เอสเตท) โครงการที่อยู่อาศัยใหม่พร้อมโรงพยาบาล ศูนย์มะเร็ง และโรงเรียนมาตรฐานสากล ทำเลใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ของกัมพูชาที่มีกำหนดเปิดใช้งานในต้นปี 2025
SSRG กล่าวว่า โครงการนี้ได้รวบรวมแนวคิด "ชีวิตที่ยกระดับ" มาพัฒนาสร้างโครงการ ซึ่งเหมาะเจาะกับช่วงเวลาของการเติบโตทางเศรษฐกิจของ ‘เมืองกันดาล’ ที่กำลังจะได้รับแรงหนุนจากท่าอากาศยานนานาชาติเตโชตาเขมา สนามบินแห่งใหม่ของกัมพูชา ที่ในปัจจุบันมีรายงานว่าสร้างเสร็จสิ้นถึง 50% แล้ว และมีกำหนดการณ์เปิดใช้งานในปี 2025
โดยจากแนวคิด “ชีวิตที่ยกระดับ” Marum Estate จะไม่ได้มีเพียงที่อยู่อาศัยเพียงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมระบบการดูแลสุขภาพครบวงจร การศึกษา และศูนย์การค้า ทำให้เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่สะดวก ครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการของทุกสมาชิกในครอบครัวยุคใหม่ที่ประกอบไปด้วยทั้งผู้สูงอายุ และเด็ก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน
คุณ Ng Aung San ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารร่วมของ SSRG กล่าวว่า SSRG เลือกลงทุนในกัมพูชาเพราะว่า กัมพูชาเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพราะมีความสามารถในการดึงดูดการลงทุน มีเสถียรภาพทางการเมือง มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และประชากรที่กำลังเติบโตสวนทางกับโครงสร้างประชากรในประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ
จากข้อมูลของธนาคารโลก ในช่วงปี 2017-2017 ก่อนมีการระบาดของโควิด-19 กัมพูชามีการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 7.2% ต่อปี ซึ่งค่อนข้างสูง เพราะกัมพูชาประสบความสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนของบริษัทต่างชาติจากทั้งจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ จากนโยบายที่เปิดให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัทที่เปิดในกัมพูชาได้ 100% ยกเว้นในบางอุตสาหกรรมเช่น การผลิตบุหรี่ การผลิตภาพยนตร์ การสีข้าว และการทำเหมืองรัตนชาติ
นอกจากนี้ ประชากรของกัมพูชาถึง 69% ยังเป็นประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ถึง 73% เป็นประชากรที่เข้าถึงการศึกษาระดับสูง และถึง 9.4 ล้านคนเป็นประชากรวัยทำงาน ทำให้กัมพูชามีความโดดเด่นทั้งในฐานะแหล่งแรงงานและตลาดผู้บริโภคที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะผู้บริโภคในกลุ่มชนชั้นกลางที่กำลังเกิดขึ้นในกัมพูชาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีกำลังซื้อที่พักอาศัยในระดับกลางและระดับลักชูรี่ได้
ใน Marum Estate มีอะไรบ้าง?
คุณ Phebe Len ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารร่วมของ SSRG กล่าวกับสื่อมวลชนว่า โครงการ Marum Estate ได้ผสมผสานไลฟ์สไตล์ของชีวิตอันหรูหรา พร้อมระบบด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา การพาณิชย์ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้สูงวัยในที่อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ที่จะมาช่วยยกระดับความน่าอยู่ของเมืองกันดาล และมอบความสุขให้กับผู้อยู่อาศัยและธุรกิจในภูมิภาคที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยมีจุดเด่น 5 ประการเพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบครบวงจร ดังนี้
Marum Residence เป็นโครงการหมู่บ้านภายใน Marum Estate ซึ่งประกอบไปด้วยบ้านทั้งหมด 642 หลังและห้องแถว 181 ห้อง สร้างสรรค์โดยสถาปนิกด้านการออกสุดหรูหราชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น SCSY Studio, Burega Farnell และ Bloom Architecture โดยแบบที่อยู่อาศัยจะมีอยู่ทั้งหมด 4 รูปแบบ คือ Prive, Sanctuary, Orchard, และ Greenwood
คุณ Phebe กล่าวว่า บ้านแต่ละหลังจะมีความโดดเด่นด้วยคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะของตัวเอง สะท้อนให้เห็นถึงการตีความของแนวคิด " ร่วมสมัยสไตล์เขตร้อน" อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศกัมพูชา ผสมผสานอย่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสไตล์การใช้ชีวิตในรีสอร์ท โดยภายในจะมีการตกแต่งภายในที่กว้างขวาง หน้าต่างบานใหญ่เพื่อเพิ่มการระบายอากาศจากธรรมชาติ ระเบียงยื่นได้ และการใช้วัสดุที่มาจากท้องถิ่น ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับสภาพแวดล้อมในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นต่อองค์ประกอบทางธรรมชาติอีกด้วย
นอกจากนี้ Marum Residence ยังตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบ Tonle Bati อันเงียบสงบที่โอบล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวขจี และมีวิวด้านหลังตระการตาของภูเขา Tamao ทำให้ Marum Residence เป็นหมู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมอันงดงามที่ช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ให้กับ Marum Estate ด้วย
เพื่อตอบสนองความต้องการในการดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัย SSRG ได้สร้างร่วมมือระหว่างสถาบันที่มีชื่อเสียงจากทั้งกัมพูชาและสิงคโปร์ เช่น โรงพยาบาล Khema และ Parkway Cancer Center เพื่อนำเสนอบริการด้านสุขภาพในโครงการ Marum Estate ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบบริการด้านสุขภาพเฉพาะทางที่สำคัญ เช่น มะเร็งวิทยา ศัลยกรรมทั่วไป สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา และบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นอื่นๆ
โครงการริเริ่มนี้ถือเป็นรากฐานสำคัญของความมุ่งมั่นด้านการดูแลสุขภาพของ SSRG และความก้าวหน้าในการนำโรงพยาบาลชั้นนำมาไว้ภายในโครงการ Marum Estate
Marum Square เป็นพื้นที่ศูนย์การค้าใจกลาง Marum Estate ซึ่งถูกออกแบบมาให้ถูกใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ด้วยหน้าร้านทั้ง 2 ด้านที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และสามารถดัดแปลงให้เป็นพื้นที่ทำธุรกิจได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า สถานที่ทางวัฒนธรรม และพื้นที่สีเขียวภายในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิด tropical modernism
นอกจากนี้ พื้นที่นี้ยังจะเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการได้ ทำให้นอกจากจะเป็นศูนย์การค้าสำหรับคนในพื้นที่ของ Marum Estate แล้ว Marum Square ยังจะเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่โดยรอบที่เพิ่มขึ้นตามมาจากการสร้างชุมชนโดยรอบในเมืองกันดาลด้วย
นอกจากศูนย์การค้าและโรงพยาบาลแล้ว SSRG ยังได้ร่วมมือกับโรงเรียน Methodist School of Cambodia (MSC) เพื่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ใน Marum Estate ที่จะสามารถรองรับนักเรียนได้ถึง 750 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ
ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่มาจากประเทศสิงคโปร์ MSC มีชื่อเสียงที่โดดเด่นในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการและความสำเร็จแบบองค์รวมในประเทศกัมพูชา โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนขึ้นในปี 1997 MSC ได้สอนนักเรียนด้วยหลักสูตรการศึกษาที่เป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง และช่วยส่งเสริมความรู้ที่สามารถต่อยอดกับอาชีพที่หลากหลายในฐานะผู้ประกอบการ ผู้นำในองค์กรภาคประชาสังคม และผู้มีส่วนสำคัญในภาคเอกชน
ทั้งนี้ หลักสูตรที่เปิดสอนในสถาบันใหม่นี้จะมีความก้าวไปไกลกว่าหลักสูตรมาตรฐานระดับชาติ โดยจะมีทั้งหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และหลักสูตรสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์
อีกหนึ่งโครงการใน Marum Estate ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวในเฟสที่ 2 คือชุมชนแห่งการอยู่อาศัยหลังเกษียณเชิงนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อบุคคลที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยมุ่งเน้นที่การนำแนวคิด "ที่อยู่อาศัยของบั้นปลายชีวิต" เป็นแง่มุมพื้นฐานของแนวของการสร้างที่พักแห่งนี้
พื้นที่ส่วนเฉพาะของเฟส 2 ของโครงการ Marum Estate ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและมีพื้นที่สีเขียว ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดีและมอบบริการด้านการดูแลผู้อาศัยตลอดชีวิตอย่างครบวงจร ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าสู่วัยชราได้อย่างสมบูรณ์แบบและสะดวกสบายภายในบ้านและชุมชนที่คุ้นเคย และอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ตนรัก โดยโครงการจะมอบบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการได้
นอกจากนี้ ในส่วนเฟส 2 ของโครงการ Marum Estate จะมีการนำเสนอบริการด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านของผู้อาศัย รวมถึงคลินิกปฐมภูมิในพื้นที่ ตัวเลือกบริการการประกันสุขภาพที่หลากหลาย และบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ดั้งนั้น โครงการ Marum Estate จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความสะดวกสบาย ความเอาใจใส่ และชุมชน ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้สูงอายุที่กำลังมองหาประสบการณ์การใช้ชีวิตระยะยาว เติมเต็ม และไร้ความกังวล
ในปัจจุบัน Marum Estate เป็นโครงการที่มุ่งเป้าไปยังคนกัมพูชาในพื้นที่ประมาณ 80-85% แต่เปิดให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาจับจองที่อยู่อาศัยได้ ทั้งผู้ที่เข้ามาทำงานในประเทศกัมพูชาและมีวีซ่าพำนักระยะยาว หรือผู้ที่ลงทุนเพื่อปล่อยเช่า
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กัมพูชายังไม่เปิดให้ชาวตา่งชาติถือครองที่ดินและที่อยู่อาศัยติดดินในประเทศ ดังนั้น ชาวต่างชาติจึงต้องเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยผ่าน ‘ทรัส’ ซึ่งเป็นการเปิดบริษัทในกัมพูชาที่มีชาวกัมพูชาถือหุ้นอยู่เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่ง SSRG ก็ได้ร่วมมือกับ Philip Trustee บริษัทการเงินจากสิงคโปร์เพื่อสร้างความร่วมมือในด้านนี้
แกลเลอรีขายของโครงการ Marum Estate ตั้งอยู่ที่ The Point Community Mall ชั้น G ของ Mao Tse Toung Blvd (245) ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 19.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้ซื้อที่สนใจสามารถติดต่อ SSRG หรือตัวแทนการตลาด ได้แก่ CBRE, ERA, Propnex และ Pointer หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้าเยี่ยมชม กรุณาติดต่อสายด่วน Marum Estate: +855 866 25 888 หรือเยี่ยมชมทางเว็บไซต์ได้ที่ marum-estate.com