ธุรกิจการตลาด

‘อมตะวีเอ็น’ ชี้เวียดนามน่าลงทุน จีดีพีโต การเมืองนิ่ง ตลาดยังโตได้อีก

27 มิ.ย. 67
‘อมตะวีเอ็น’ ชี้เวียดนามน่าลงทุน จีดีพีโต การเมืองนิ่ง ตลาดยังโตได้อีก

Interview :  เวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ระดับ 5% และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 6.0-6.5% อัตราค่าแรงขั้นต่ำไม่สูงเท่ากับไทย ถือว่าเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจไปลงทุนจำนวนมาก 

ปัจจัยอะไรที่ทำให้ประเทศ ‘เวียดนาม’ น่าลงทุน วันนี้ SPOTLIGHT ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ​คุณสมหะทัย พานิชชีวะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAV ถึงมุมมองต่อประเทศเวียดนาม และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ AMATAV 

‘อมตะวีเอ็น’ ชี้เวียดนามน่าลงทุน จีดีพีโต การเมืองนิ่ง ตลาดยังโตได้อีก

ทำไมเวียดนามน่าสนใจไปลงทุน? 

ในมุมมองของคุณสมหะทัย เห็นว่า ประเทศเวียดนาม มีจุดแข็งใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ

  1. ภายในมองว่าประเทศเวียดนาม ระบบการเงิน แข็งแรงมั่นคง เศรษฐกิจไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ เป้าหมายทางเศรษฐกิจชัดเจน มีกระบวนการไปสู่เป้าหมายได้อย่างเห็นชัด
  2. ประชากรที่มีถึง 100 ล้านคน มีรายได้ต่อหัวที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเข้าสู่ประชากรที่มีรายได้ปานกลาง
  3. อายุเฉลี่ยประมาณ 30 ปี 
  4. เศรษฐกิจ หรือ GDP ไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 5.66% และคาดว่าในปีนี้ GDP จะโตที่ 6-6.5% โดยปีที่ผ่านมา เวียดนามมี GDP อยู่ที่ 5.05% มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 355.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่านำเข้า อยู่ที่ 327.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.25%

นั่นหมายความว่า ประชากรเข้าสู่การจับจ่ายใช่สอย ทำให้ตลาดในประเทศเวียดนามใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 

ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศ คือ FTA เกือบ 60 ประเทศไปได้ดี และการที่นายกรัฐมนตรี ประเทศเวียดนามได้ประกาศจะเป็นประเทศที่ Net Zero ในปี 2050 ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อินเทรนด์ เพราะลูกค้าอมตะ เวียดนาม อยากได้พลังงานสะอาด 

“ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ประเทศเวียดนามตั้งธงชัดเจน และมีกระบวนการที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนโดยตรง (FDI) จากนักลงทุนต่างชาติปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ก่อนที่ 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก GDP ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 6.0-6.5% ซึ่งเชื่อว่า FDI ที่เข้ามานั้น 70% อยู่ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นลูกค้าของอมตะเวียดนาม ทั้งจากในแถบเอเซีย จีน เราต้องรักษาฐานลูกค้าให้ได้ และเชื่อว่าเวียดนามจะเป็นหนึ่งทางเลือกในการลงทุน” คุณสมหะทัย

‘อมตะวีเอ็น’ ชี้เวียดนามน่าลงทุน จีดีพีโต การเมืองนิ่ง ตลาดยังโตได้อีก

กลุ่มอมตะ ดำเนินธุรกิจในเวียดนามมาเกือบ 30 ปี

กลุ่มอมตะไดด้เข้าไปลงทุนประเทศเวียดนามมาแล้วเกือบ 30 ปี ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่การลงทุนเป้าหมายสำคัญของนักลงทุนต่างชาติ        โดยได้มีการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง และ โครงการนิคมอุตสาหกรรมร่วมทุนกับพันธมิตร อีก  1 แห่ง ดังนี้

  1. นิคมฯอมตะซิตี้ เบียนหัว (BIEN HOA) : เป็นนิคมแรก ที่ตั้งอยู่ที่เมืองเบียนหัว จ. ดองไน บนพื้นที่ 513  เฮกตาร์   ปัจจุบันนักลงทุนใช้พื้นที่ไปแล้ว  99%  จำนวนผู้ประกอบการเข้าลงทุนมากกว่า 190 บริษัท คิดเป็นมูลค่าลงทุนมากกว่า   3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ  มีการจ้างงานประมาณ 60,000 ราย ถือว่าเป็นนิคมฯ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นโครงการนำร่องเพื่อนิคมฯ เพื่อสิ่งแวดล้อม ในโมเดล ECO-IP ที่เป็นต้นแบบในการพัฒนานิคมฯอื่นของเวียดนาม
  2. นิคมฯอมตะซิตี้ ลองถั่น : ได้พัฒนาเป็นนิคมฯอุตสาหกรรมไฮเทคตั้งอยู่ อ.ลองถั่น จ.ดองไน บนพื้นที่ 410 เฮกตาร์  มีผู้ประกอบการลงทุนแล้ว คิดเป็นมูลค่า 280 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มียอดจอง(Land sale และ presale) 36 เฮกตาร์ ตั้งอยู่พื้นที่ภาคใต้เช่นเดียวกับนิคมฯเบียนหัว เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การลงทุน 

โดยรัฐบาลเวียดนามมีการลงทุน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นถนนทางหลวงขนาดใหญ่ ทางด่วน รวมถึงถนนวงแหวน และมีการพัฒนาสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ห่างจากนิคมฯ เพียง 10 กิโลเมตร  มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจในภาคใต้ เอื้อต่อการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย

  1. นิคมฯอมตะซิตี้ ฮาลอง : ตั้งอยู่ภาคเหนือ จ.กวางหนิง บนพื้นที่ 714 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจ รองรับอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ให้สิทธิประโยชน์เหมาะสม กับการลงทุนที่สุดของเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็น การยกเว้นภาษีนำเข้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  ด้านเส้นทางคมนาคม  สนามบินต่างๆ อาทิ สนามบินนอยไบ และสนามบิน วานดอน  และได้มีความร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท MC Economic Estate Development Vietnam Corporation (MRBN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท Marubeni Corporation จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ในการเข้าถือหุ้น สัดส่วน 20% เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากขึ้น ด้วยประสบการณ์ 30 ปี ของ Marubeni ที่ดำเนินธุรกิจในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผนึกกับความเชี่ยวชาญของกลุ่มอมตะในการพัฒนานิคมฯในเวียดนามอย่างยาวนาน   ส่งผลให้รูปแบบการพัฒนนิคมฯอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมร่วมกัน จะเป็นพื้นที่ประกอบการที่มีศักยภาพ สามารถรองรับการลงทุนจากทั่วโลกที่มุ่งการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ตามแนวทางของกลุ่มอมตะ และเวียดนาม
  2. นิคมฯ กว่างจิ (Joint Venture) : เป็นนิคมร่วมทุนกับพันธมิตร 3 ราย ประกอบด้วย Singapore Industrial Park J.V Co., Ltd (“VSIP JV”), Amata City Bien Hoa Joint Stock Company และ Sumitomo Corporation อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ ในพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ ตะวันออก ตะวันตก รองรับการพัฒนาเศรษฐกิจอาศัยการเชื่อมโยงภูมิภาคของ 4 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย เวียดนาม ลาว และพม่า พร้อมทั้งเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบในปริมาณสำรองน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และ พลังงานลม

‘อมตะวีเอ็น’ ชี้เวียดนามน่าลงทุน จีดีพีโต การเมืองนิ่ง ตลาดยังโตได้อีก

โดยคิดเป็นมูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 860 ล้านเหรียญสหรัฐ บนพื้นที่ดินที่ได้รับการพัฒนาแล้วทั้งหมด 3,000 เฮกตาร์ หรือ18,750 ไร่ ซึ่งเป็นการลงทุนโดยตรงผู้ประกอบการต่างประเทศ (FDI)ทั้งภาคอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ใช้พื้นที่มากกว่า 200 ราย คิดเป็นมูลค่าลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เกิดการจ้างงาน มากกว่า 60,000 คน

สิงคโปร์เข้ามาลงทุนในเวียดนามเป็นอันดับ 1 

โดยอมตะ ได้เข้าไปพัฒนา เป็นพื้นที่ที่เป็นยุทธศาสตร์ของเวียดนาม ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม 

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเซีย ที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด คิดเป็น 70% ของนักลงทุนทั่วโลก อันดับ 1 เป็นประเทศสิงคโปร์ ตามด้วย ฮ่องกง ญี่ปุ่น  จีน และเกาหลี ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั่วโลกที่เข้ามาลงทุน เพื่อผลิตสินค้า และส่งออก ส่งผลให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เปิดกลยุทธ์ ‘อมตะวีเอ็น’ ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 15-20% ทำอย่างไรให้ได้เป้าหมาย? 

กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AMATAV เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในปีนี้ว่า

กลยุทธ์แรก คือ ทำอย่างไรให้สามารถขายที่ดินได้ตามเป้าหมายในราคาที่สูงที่สุด จากการที่มีพาร์ทเนอร์เป็นชาวญี่ปุ่นเข้ามา เพื่อเปิดตลาดญี่ปุ่น ขยายตลาดญี่ปุ่น และมีเอเย่นที่ทำงานตลอดเวลา โดยเฉพาะประเทศจีน

กลยุทธ์ที่ 2 คือ เรื่องสาธารณูปโภค ที่เป็นปัญหาของเวียดนาม คือ เรื่องไฟฟ้า ทางอมตะวีเอ็น ได้มีการเข้าพบและหารือ พิสูน์ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเวียดนามให้เห็นว่า ทางอมตะวีเอ็นมีความตั้งใจจริงในการเข้ามาลงทุนและได้มีการปรับเปลี่ยนการผลิตจากแบบเดิมที่ใช้ไฟไม่มาก เป็นการผลิตสินค้าพวกเซมิคอนดรัคเตอร์มากขึ้น ซึ่งทางการเวียดนามก็ได้อนุมัติให้ไฟมาให้กับอมตะวีเอ็นมาได้ถึง 2 เท่าของความต้องการใช้ ทำให้อมตะวีเอ็นสามารถขายที่ดินพร้อมกับมีไฟฟ้าใช้อย่างเหลือเฟือ ให้กับลูกค้าได้

“การเจริญเติบโตของเรามองต่อไปถึงการสร้างมูลค่าของที่ดินของเราได้ จึงได้มองถึงการก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูป โกดังสินค้า โลจิสติก ส่วนเรื่องไฟฟ้าไม่ใช่แค่ไฟฟ้าของทางรัฐบาล แต่อมตะวีเอ็นมองถึงเรื่องไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนด้วย ไม่ใช่แค่โซลาร์เซล์ เรามองต่อไปเรื่องของไฟฟ้าที่มาจากพลังงานลม ไบโอแมส สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาผนวกเข้าด้วยกัน”

นอกจากนี้ อมตะวีเอ็นกับทางพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นก็สนใจเรื่องของ Smart Utinity ได้รับกองทุนเข้ามาพัฒนา ต้องการเข้ามาทำนิคมฯ ที่ภาคเหนือ ซึ่งปัจจุบันมาอยู่ 20 โรงงาน และอาจจะนำแพลตฟอร์มนี้มาทำที่นิคมฯ ภาคใต้ด้วยเช่นกัน

โดยอมตะวีเอ็นมองว่าในขณะนี้ อมตะวีเอ็นมี Best Location : การมีทำเลที่ดี มี Best Partner : การมีพันธมิตรที่ดี และมี Best Contumer  เพื่อที่เราจะให้บริการแบบ Best Service ให้กับลูกค้า

“ในปี 2567 อมตะวีเอ็น ได้ตั้งงบลงทุนเพื่อพัฒนาที่ดินและระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน ขณะนี้มียอดขายที่รอโอน (Backlog) 60 เฮกเตอร์ อยู่ในระหว่างเร่งดำเนินการเพื่อส่งมอบให้ลูกค้า อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้ามาลงทุนในเวียดนามต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม”

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT