Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทำไม 'Apple Intelligence' อาจเป็นระบบ AI ที่ใช่ จากบิ๊กเทคฯ ชั้นนำ?
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

ทำไม 'Apple Intelligence' อาจเป็นระบบ AI ที่ใช่ จากบิ๊กเทคฯ ชั้นนำ?

30 มิ.ย. 67
00:03 น.
|
608
แชร์

หลังจากที่ Apple เปิดตัว ‘Apple Intelligence’ ระบบ AI ของบริษัทที่สามารถช่วยในการค้นหาข้อความและรูปภาพ สร้างภาพ แก้ไขไวยากรณ์และการสะกดคำ สรุปข้อความ และแก้ไขรูปภาพได้ รวมไปถึงฟีเจอร์อื่นๆ จำนวนมากภายในงาน Worldwide Developers Conference บริษัทกลับได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อย

ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มหาเศรษฐีออนไลน์ และผู้ใช้งานทั่วโลกต่างออกมาบ่นว่า ฟีเจอร์ดังกล่าวดูเล็กน้อยและไม่ได้สำคัญเท่าไหร่เลย โดยเหล่าคนดังสายเทคส่วนหนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นดังนี้:

  • Katie Collins จาก CNET กล่าวว่า ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจที่สุดของ Apple นั้นเปิดตัวช้าเกินไป และได้ปิดท้ายด้วยว่า ‘ในที่สุด’
  • Mark Gurman จาก Bloomberg เรียกการเปิดตัว Apple Intelligence ว่า “เป็นการอัพเกรดเล็กน้อย"
  • Jordan Hart จาก Business Insider กล่าวว่า Apple จำเป็นต้องพลิกฟื้นบริษัท
  • Elon Musk แสดงความผิดหวังด้วยการแชร์มีม 

โดยรวมแล้ว หลายคนรู้สึกไม่ประทับใจกับการเปิดตัว Apple Intelligence สักเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่า การเปิดตัวฟีเจอร์ AI ที่สามารถสรุปอีเมลยาวๆ และการถอดเสียงการโทรฟัง คงดูน่าเบื่อแล้วในยุคนี้ เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ AI ที่สามารถใช้ตรวจหามะเร็งได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

อย่างไรก็ตาม Business Insider กลับมองว่า สเกลและวิสัยทัศน์ของ Apple ยังทำให้บริษัทเป็นบิ๊กเทคฯ แห่งแรกที่ได้บูรณาการ AI อย่างถูกต้อง ทำไมเป็นเช่นนั้น?

AI เป็นเพียง ‘ผู้ช่วย’ เท่านั้น

จากการเปิดตัว Apple Intelligence เห็นได้เลยว่า Apple มีจุดประสงค์ให้ใช้ AI เพื่อทำในสิ่งที่เทคโนโลยีพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้ นั่นก็คือการเป็น ‘ผู้ช่วย’ ไม่ใช่ให้ AI นั่งตอบคำถามปลายเปิด และให้คำตอบที่ไม่เป็นความจริง มีการโกหก หรือแม้แต่เผยแพร่ความเชื่อผิดๆ โดยไม่มีวิจารณญาณ

การอัปเดตฟีเจอร์ AI ของ Apple เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดสำหรับทุกคน สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนการเรียกร้องให้บริษัทเทคฯ รายอื่น ปฏิบัติได้จริงกับสิ่งที่พวกเขาสัญญาไว้กับผู้บริโภค และส่งมอบผลิตภัณฑ์ AI ที่ทำให้ชีวิตของผู้ใช้งานง่ายขึ้นทีละน้อย แทนที่จะทำให้สับสนกับคำสัญญาที่มากเกินไป

ที่ผ่านมา Apple เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมแห่งความสมบูรณ์แบบ จากการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ในแต่ละครั้ง ที่จะเผยคุณสมบัติใหม่เฉพาะเมื่อรู้สึกว่าฟีเจอร์นั้นดีและพร้อมเท่านั้น นอกจากนี้ Apple ยังจะขับเคลื่อนแอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ในช่วงเวลาที่ Large Language Model สามารถโทรและตอบกลับขั้นพื้นฐานเป็นเลิศ

ซึ่งหากผู้ใช้งานต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Apple เพื่อเข้าสู่โลกแห่งการพูดคุยกับแชทบอทที่แปลกประหลาดและสนุกสนานมากขึ้น Siri จะเรียก ChatGPT ให้ผู้ใช้งาน เพื่อพูดคุยและลุยได้เต็มที่ เป็นการแบ่งเส้นชัดเจนระหว่างจุดสิ้นสุดของความน่าเชื่อถือ และจุดของโลกแห่งความไม่สอดคล้องกันทางเทคโนโลยี

สำหรับ Apple นี่คือความแตกต่างที่สมเหตุสมผล ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ของตนเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วย

แนวทางที่ระมัดระวังของ Apple อาจเป็นตัวอย่างสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เหลือ ด้วยการค่อยๆ ปรับกลุ่มผู้ใช้ให้เข้ากับ AI ซึ่งจะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นแทนที่จะทำให้พวกเขาหงุดหงิด Apple ทำให้เทคโนโลยีรู้สึกเหมือนเป็นการอัปเกรดตามธรรมชาติ แทนที่จะเป็นการบุกรุกที่น่ากลัวและไม่น่าเชื่อถือ 

ความต่างของ Apple Intelligence และ ChatGPT

แล้วถ้า Apple มี AI ของตัวเอง ทำไมถึงยังต้องมี ChatGPT ด้วย? คำตอบก็คือ แต่ละฟีเจอร์มีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน

‘Apple Intelligence’ ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์สำหรับเครื่องมือ AI ทั้งหมดของ Apple มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น ‘ผู้ช่วยส่วนตัว’ โดยเน้นที่ส่วนบุคคล ใช้ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับความสัมพันธ์และรายชื่อติดต่อ ข้อความและอีเมลที่ถูกส่ง สถานที่ที่เคยไป การประชุมที่ถูกลงในปฏิทิน และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นส่วนตัวสูงเกี่ยวกับชีวิตของผู้ใช้งาน

แต่ Apple Intelligence ก็ยังขาดสิ่งที่ผู้บริหารของบริษัทระดับโลกเรียกว่า ‘ความรู้รอบโลก’ ซึ่งเป็นข้อมูลทั่วไปเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ปัจจุบัน และสิ่งอื่นๆ ที่เชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ใช้งานน้อยกว่า

นั่นคือที่มาของ ‘ChatGPT’ ผู้ใช้จะสามารถให้ Siri ส่งต่อคำถามและแจ้งให้ ChatGPT สามารถเลือกใช้งานได้ หรือให้ ChatGPT ช่วยเขียนเอกสารภายในแอปของ Apple โดย Apple กล่าวว่า มีแผนที่จะรวมเข้ากับโมเดล AI ของบริษัทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งการผสานรวมจะเป็นการลบขั้นตอนในการเข้าถึง ChatGPT และช่วยให้ผู้ใช้ Apple สามารถเข้าสู่แพลตฟอร์มนั้นได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

แม้ว่าผู้ใช้ Apple จะต้องป้อนข้อมูลส่วนบุคคลไปยัง OpenAI หากต้องการใช้ ChatGPT แต่ Apple ได้กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว Apple Intelligence จะไมมีการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไปที่ใด มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Apple จะพยายามประมวลผล AI โดยตรงบนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานโดยใช้โมเดล AI ที่เล็กกว่า

ซึ่งคล้ายกับวิธีที่ Apple ประมวลผล FaceID และข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ อยู่แล้ว แนวคิดที่ว่าการประมวลผลข้อมูลบนอุปกรณ์โดยตรงจะจำกัดความเสี่ยง ไม่สามารถถูกดัก จับ หรือแฮ็กจากเซิร์ฟเวอร์กลางได้

ในกรณีที่งาน AI ของผู้ใช้งานต้องการพลังในการประมวลผลมากขึ้น Apple Intelligence จะส่งคำถามและข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์คลาวด์ที่ควบคุมโดย Apple ซึ่งโมเดล AI ที่มีความสามารถกว่า จะตอบสนองคำขอได้

นี่คือจุดที่ Apple อ้างว่าได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาความเป็นส่วนตัวครั้งใหญ่ และบริษัทมีความภาคภูมิใจอย่างชัดเจนกับความก้าวหน้าที่ได้รับการวางแผนอย่างกว้างขวางอย่างชัดเจน

ที่มา CNN, Business Insider

แชร์
ทำไม 'Apple Intelligence' อาจเป็นระบบ AI ที่ใช่ จากบิ๊กเทคฯ ชั้นนำ?