สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บทความหัวข้อ "บทบาท Market Maker ในตลาดรอง: ต้องไม่ผลักดันราคา ไม่สร้างปริมาณเทียม" โดยสรุปหน้าที่หลักของ Market Maker มีหน้าที่หลักดูแลให้เกิด “สภาพคล่อง” ซื้อขายในตลาดให้เป็นไปตามกลไกของตลาดเพื่อให้ราคาของหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในราคาที่ใกล้เคียงกับที่ซื้อขายในตลาดอื่นๆ ซึ่งต้องดำเนินการอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนด
สรุป 3 ข้อห้ามทำของ Market Maker ให้นักลงทุนเข้าใจผิด
- ต้องไม่ผลักดันราคา
- ต้องไม่สร้างปริมาณเทียม
- ต้องไม่จับคู่ซื้อขายกันเอง
บทความ โดย สำนักงาน ก.ล.ต.
"บทบาท Market Maker ในตลาดรอง: ต้องไม่ผลักดันราคา ไม่สร้างปริมาณเทียม"
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุในบทความหัวข้อ "บทบาท Market Maker ในตลาดรอง: ต้องไม่ผลักดันราคา ไม่สร้างปริมาณเทียม" ว่า ผู้ดูแลสภาพคล่อง หรือ “Market Maker” คงเป็นชื่อที่ผู้คนที่อยู่ในแวดวงตลาดทุน ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศคุ้นหูเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า Market Maker โดยทั่วไปแล้วมีหน้าที่และมีประโยชน์ต่อตลาดทุนอย่างไร
ก่อนอื่นเมื่อกล่าวถึงตลาดทุน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านการระดมทุนแล้ว เรามักจะมองไปถึงการมี“ตลาดรอง” ที่ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นตราสารทุน (หุ้นสามัญ) ตราสารหนี้ (หุ้นกู้) หน่วยลงทุนต่าง ๆ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ก็มีตลาดรองที่เรียกว่า “ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล” ที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัล
วัตถุประสงค์สำคัญของตลาดรอง คือ การให้ผู้ถือหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ๆ สามารถเข้ามาซื้อขายเปลี่ยนมือได้ตามความต้องการของผู้ลงทุน/ผู้ซื้อขาย การมี “สภาพคล่อง” จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะมาช่วยให้ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลได้เมื่อต้องการและหากหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ๆ ไม่มีสภาพคล่อง Market Maker จึงมีความสำคัญในการดูแลสภาพคล่องให้หลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัล
โดยการตั้งราคารับซื้อ (bid) และตั้งราคาขาย (offer) ให้เป็นไปตามกลไกของตลาด เพื่อให้ราคาที่เกิดขึ้นในตลาดสะท้อนความต้องการของผู้ลงทุนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ในการทำหน้าที่ Market Maker จะได้รับค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์จากการทำหน้าที่ เช่น การลดค่าคอมมิชชั่น จากตลาดหลักทรัพย์ หรือศูนย์ซื้อขายฯ รวมทั้งอาจได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของราคาจากการทำธุรกรรมซื้อขายด้วย
Market Maker ห้ามจับคู่ซื้อขายกันเอง
ในการทำหน้าที่ในการส่งคำสั่งของ Market Maker นั้น จะต้องไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อตลาดโดยรวมหรือหาประโยชน์จากผู้ลงทุน และสิ่งสำคัญต้องไม่เป็นการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ในกรณีที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลในหลายตลาด และราคาซื้อขายแตกต่างกันมาก กลไกการเข้าไปดูแลสภาพคล่องของ Market Maker ก็จะทำให้ราคาของหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในราคาที่ใกล้เคียงกับที่ซื้อขายในตลาดอื่น ผ่านกระบวนการ arbitrage*
โดยซื้อหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดที่ราคาต่ำกว่า(ราคาถูก) และไปขายในตลาดที่ราคาสูงกว่า (ราคาแพง) และเมื่อถึงจุดหนึ่งส่วนต่างราคาและโอกาสในการทำกำไรจาก arbitrage จะหายไป
โดย Market Maker จะตั้งราคาเพื่อรองรับการซื้อขายกับผู้ลงทุน แต่จะไม่เข้าไปซื้อขายและจับคู่กันเอง เพื่อให้ราคาไปอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่ง ในลักษณะการชี้นำราคา และทำให้บุคคลทั่วไปสำคัญผิดทั้งในส่วนของราคาและปริมาณการซื้อขาย ซึ่งเป็นการทำเกินหน้าที่ เอาเปรียบผู้ลงทุนรายอื่น อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ Market Maker ที่สร้างปริมาณเทียมโดยการจับคู่ซื้อขายกันเอง (Wash Trade) ซึ่งการกระทำดังกล่าวกระทำไปโดยธุรกรรมซื้อและขายที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของ ทำโดยบุคคลเดียวกัน เพื่อลวงนักลงทุนว่าหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น มีนักลงทุนซื้อขายกันเป็นจำนวนมาก ตลาดคึกคัก แต่แท้ที่จริงปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นจำนวนมากนั้น เป็นของ Market Maker เอง ไม่ใช่ปริมาณการซื้อขายจริงที่เกิดจากนักลงทุน
การกระทำดังกล่าวสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ลงทุน/ผู้ซื้อขาย ว่ามีปริมาณซื้อขายมากกว่าที่เป็นจริง ไม่เป็นไปตามกลไกของตลาดอย่างแท้จริง ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561
ดังนั้น Market Maker จึงเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยดูแลให้หลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่สนใจของผู้ลงทุน และทำให้ผู้ลงทุนได้ประโยชน์ แต่การทำหน้าที่ของ Market Maker ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่ Market Maker เข้าไปรับทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่องด้วย จึงจะเป็นการช่วยดูแลตลาดรองให้มีความโปร่งใส น่าเชื่อถือ ของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
*หมายเหตุ: arbitrage คือ การทำกำไรจากความแตกต่างของราคาสินค้าชนิดเดียวกันที่ซื้อขายอยู่คนละตลาด