ในทุกรอบของตลาดขาขึ้นนอกจากการที่บิทคอยน์จะปรับตัวขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ทุกครั้งจะมีเหรียญทางเลือกหรือ Altcoins ที่อยู่ในกระแสนิยมของรอบนั้นแห่กันปรับตัวขึ้นยกแผงหรือที่เรียกกันว่า Altcoin Party แต่รอบนี้ แม้ว่าบิทคอยน์จะเป็นขาขึ้นแล้ว แต่ Altcoin Party ก็ยังไม่มาเสียที จนนักเทรดเริ่มจะสงสัยแล้วว่าจะมาไหมแล้วมากี่โมง??
ตามสถิติเก่า บิทคอยน์ในฐานะผู้นำตลาดจะสร้างผลตอบแทนมากกว่า Altcoin เสมอในช่วงแรกโดยเฉพาะสามเดือนหลังจากเกิด Bitcoin Halving และหลังจากนั้นถึงจะเริ่มเป็นคิวของ Altcoin ที่จะปรับตัวขึ้นและมักจะสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าบิทคอยน์เพราะเป็นโทเคนที่มีมาร์เกตแคปขนาดเล็กทำให้มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าบิทคอยน์ที่มีมาร์เกตแคปใหญ่แล้ว
ประกอบกับสินทรัพย์ที่มีคุณลักษณะของการเป็น Growth Asset อย่างเช่นหุ้นเทคโนโลยีขนาดเล็กรวมถึงเหรียญ Altcoin เป็นสินทรัพย์ที่ต้องอาศัยสภาพคล่องของตลาดหรือแรงเก็งกำไรมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่งเริ่มต้นแม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีหรืออุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตแต่จะต้องผ่านแรงเสียดทานในช่วงแรกที่เทคโนโลยียังไม่เป็นที่ยอมรับหรือยังไม่เข้าสู่ระดับ Mass Adoption
รวมถึงรายได้ที่เข้ามายังไม่มีความเสถียร อาจจะมีช่วงเวลาที่เติบโตสูงสุดแต่ไม่สามารถรักษาความต่อเนื่องเอาไว้ได้เมื่อกระแสหมดจึงมักจะพลิกกลับมาเป็นขาลงและบางเหรียญอาจจะไม่กลับมาเป็นขาขึ้นแล้วก็ได้ ต่างจากเหรียญที่มีมาร์เกตแคปใหญ่และมีอายุในตลาดที่นานซึ่งทำให้ราคามีเสถียรภาพมากกว่า
สรุปคือ Altcoin จะปรับตัวขึ้นได้อย่างจริงจังจำเป็นต้องอาศัยความมั่นใจของนักเทรดที่กลับเข้ามาเต็มตัวเสียก่อนซึ่งอาจต้องรอให้บิทคอยน์ฟื้นตัวกลับมาเป็นขาขึ้นได้ต่อหลังจากที่สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้แล้วและตอนนี้อยู่ในช่วงของการพักตัว
ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันบิทคอยน์ให้กับมาปรับตัวขึ้นต่อน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังที่มีโอกาสสูงว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯจะเริ่มผ่อนคลาย รวมถึงกระแสของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่อาจมีการช่วงชิงคะแนนเสียงด้วยการชูนโยบายสนับสนุนคริปโตซึ่งจะทำให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่บิทคอยน์เป็นขาขึ้นได้ระยะหนึ่งก็น่าจะถึงเวลาของ Altcoin ที่จะกลับมาเก็งกำไรกันในที่สุด
Altcoin ตัวไหนที่จับตามอง ?
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่า Altcoin ทุกตัวจะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้เกือบทุกตัวจะเป็นขาขึ้นแต่จะมีเพียงไม่กี่กลุ่มและไม่กี่โทเคนที่จะสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด โดยจะต้องดูว่าในรอบขาขึ้นนั้น Narrative หรือธีมเทคโนโลยีไหนที่มีกระแสผลักดันเข้ามาเป็นพิเศษ
โดยในช่วงปี 2020-2021 กลุ่มโทเคนที่มาแรงเริ่มจากกลุ่ม DeFi ที่มีกระแสของการทำ Yield Farming มาหนุน ตามด้วยกระแสของ GameFi ที่มี Axie Infinity เป็นตัวนำ ตามด้วย Metaverse ที่มี The Sandbox นำ และสุดท้ายคือ NFT ที่มี Bored Ape จุดกระแส
มาถึงปี 2024 นี้ กลุ่มที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าค่าเฉลี่ยตลาดก็คือกลุ่ม Meme Coin ส่วน Narrative ที่มาแรงก็คือกลุ่ม AI และ RWA (Real World Asset) โดย AI มากับกระแสของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ส่วน RWA มากับกระแสที่สถาบันการเงินขนาดใหญ่หันมาเข้าสู่โลกของบล็อกเชน
ส่วน Narrative ที่อาจจะตามมาภายหลังในมุมมองของผมคือ SocialFi หรือสื่อสังคมออนไลน์แบบกระจายศูนย์ รวมถึง DePins ซึ่งเป็นการนำบล็อกเชนมาเสริมเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เนตแบบฮาร์ดแวร์
ขณะที่ Narrative ที่เคยมาแรงในรอบก่อน อาจจะไม่มีแรงเก็งกำไรเข้ามามากเหมือรอบที่แล้ว แต่จะกลับมาด้วยพื้นฐานที่แน่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็น DeFi ที่จะมีระบบการเงินเดิมดั้งเดิมเข้ามามีส่วนร่วม GameFi ที่มีค่ายผลิตเกมส์ยักษ์ใหญ่เข้ามาร่วมพัฒนา รวมถึง Metaverse และ NFT ที่มี Use Case ชัดเจนมากขึ้น
สรุปคือ Altcoin Party น่าจะเริ่มมาในช่วงครึ่งปีหลังที่มีปัจจัยบวกมาสนับสนุนรวมถึงนักพัฒนาโปรเจกต์ที่ซุ่มพัฒนามาตั้งแต่ตลาดยังอยู่ในภาวะหมีน่าจะอาศัยจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ในช่วงที่ตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นแล้ว เราจึงยังคาดหวังได้กับผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย
อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจลงทุนใน Altcoin ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าบิทคอยน์จะต้องศึกษาให้รอบด้านทั้งเทคโนโลยีรวมถึงการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนไปพร้อมๆกัน
