หมดยุคทองโลกเสมือน "เมตาเวิร์ส"? สองแพลตฟอร์มดัง Decentraland-The Sandbox มีคนเล่นแค่ 38 คน! เกิดอะไรขึ้นกับที่ดินโลกเสมือน 4 หมื่นล้านบาท
เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เราเพิ่งจะตื่นเต้นกับข่าว "ราคาที่ดินในโลกเสมือนจริง" หรือ เมตาเวิร์ส (Metaverse) กันไปหมาดๆ ว่า มันกำลังเป็นธุรกิจสุดบูมตัวใหม่ เพราะแม้จะอยู่ในโลกเสมือน แต่ที่ดินเมตาเวิร์สเหล่านี้กลับทำราคาได้ "แพง" ไม่แพ้ที่ดินที่ออกโฉนดกันในชีวิตจริง
แต่ผ่านไปยังไม่ถึง 1 ปี นอกจากราคาที่ดินเมตาเวิร์สจะลดลงไปพร้อมกระแส "ขาลง" ของสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว "คนใช้งาน" ก็ยังลดลงชนิดฮวบฮาบอีกด้วย
2 แพลตฟอล์มเมตาเวิร์สที่ดังที่สุดในโลกก็คือ Decentraland กับ The Sandbox ซึ่งต่างก็ติดอันดับที่ดินเสมือนราคาแพงที่สุดในระดับแปลงละ 100 ล้านบาทขึ้นไป และมีผู้ใช้งานมากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้ยังมีมูลค่ารายละมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.7 หมื่นล้านบาท) อีกด้วย
แต่ในวันนี้มีรายงานในเว็บไซต์ Coindesk พบว่า ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้มีผู้เข้าใช้งานทั่วโลกเฉลี่ยเหลือวันละไม่ถึง 1,000 คนแล้ว แม้ว่าจะยังคงยังคง "มาร์เก็ตแคป" ในระดับ "ยูนิคอร์น" หรือมูลค่าระดับมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปได้อย่างเหนียวแน่นก็ตาม โดยทั้ง Decentraland และ The Sandbox ต่างก็มีมูลค่าประมาณรายละ 1,300 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.8 หมื่นล้านบาท)
รายงานได้อ้างข้อมูลจาก DappRadar ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Decentraland มีผู้เข้าใช้งานระดับ Active user เพียงแค่ "38 คน" เท่านั้น! จากที่เคยทำสถิติพีกสุดที่ 675 คนต่อวัน หรือลดลง 17 เท่า! ส่วนของ Sandbox ก็อยู่ที่ประมาณ 522 คนเท่านั้น จากที่เคยทำสถิติพีกสุดที่ 4,503 คนต่อวัน หรือลดลงกว่า 8 เท่า
Active user ที่ว่านี้ก็หมายความว่า ไม่ได้เข้าไปแค่คลิกดูนั่นนี่ในแพลตฟอร์มเฉยๆ แต่ยังต้องเข้าไปทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น ซื้อ/ขายเหรียญ SAND หรือ MANA ด้วย จึงจะถือว่าเป็น active user ตัวจริง ส่วนพวกที่เข้ามาเฉพาะงานอีเวนต์ในโลกเมตาเวิร์ส เช่น แฟชั่นโชว์ พวกนั้นไม่นับ
อย่างไรก็ตาม ทางแพลตฟอร์มทั้งสองรายนี้ได้ออกมาแก้ต่างว่า ที่เห็นว่ามีผู้เล่นแอคทีฟยูสเซอร์น้อยลงมาก เป็นเพราะว่าวิธีนับนั้นต่างกัน ทางแพลตฟอร์มนับจำนวนทุกคนที่เข้ามาท่องแพล็ตฟอร์ม ทั้งคนที่มาลองดูเฉยๆ จนถึงคนที่เข้ามาซื้อขายเหรียญและ NFT โดยตัวเลขนั้นพีกสุดในช่วงเดือน มี.ค. ปีนี้ ก่อนจะค่อยๆ ทยอยลดลงนับตั้งแต่นั้นมา
ต้องยอมรับว่าปัจจัยลบสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อเมตาเวิร์สไปด้วยก็คือ กระแส "ขาลง" ของเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหลาย โดยเฉพาะหลังจากที่เหรียญหัวแถวอย่าง LUNA มีปัญหาเมื่อช่วงเดือน เม.ย. และแตกในเดือน พ.ค. จนสร้างความปั่นป่วนไปทั่ววงการคริปโทฯ ทั้งฉุดราคาเหรียญทุกตัวในภาพรวมลงมา ฉุดมูลค่าตลาดคริปโทหายไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์อีกด้วย และยังกระทบไปถึงวงการ NFT กับเมตาเวิร์สให้ซาลงไปพร้อมกันด้วย