สินทรัพย์ดิจิทัล

BlockFi "จ่อล้มละลาย" ตามเป็นรายที่สอง เผยเจ๊งหนักจากเคส FTX

16 พ.ย. 65
BlockFi "จ่อล้มละลาย" ตามเป็นรายที่สอง เผยเจ๊งหนักจากเคส FTX

แพลตฟอร์มกู้ยิมคริปโท BlockFi "จ่อล้มละลาย" ตามมาจากเคส FTX ขณะที่ Binance เจอลูกค้าแห่ถอนเงินเฉียดแสนล้านในวิกฤตคริปโทล่าสุด



ภายในวันสองวันนี้ โลกอาจจะได้เห็น "BlockFi" กลายเป็นโดมิโนตัวแรกที่ล้มตามแพลตฟอร์ม FTX หลังจากสื่อดังอย่าง WSJ รายงานว่า BlockFi กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการ "ยื่นล้มละลาย" 

หนังสือพิมพ์หัวใหญ่วอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) ได้รายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า BlockFi ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกู้ยืมคริปโทเคอร์เรนซีแบบกระจายศูนย์ หรือ DeFi กำลังจะเป็นโดมิโนตัวแรกที่ล้มในกระดานคริปโทฯ ตามหลังการยื่นล้มละลายของ FTX ที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกก่อนหน้านี้

messageimage_1668576671429

โดย BlockFi ซึ่งเสียหายอย่างหนักมาจาก FTX และเจอลูกค้าแห่ยื่นถอนเงินออกอย่างต่อเนื่องจนต้องประกาศระงับการถอน กำลังเตรียมเข้าสู่กระบวนการ "ยื่นล้มละลาย" ภายใต้ Chapter 11 (ขอฟื้นฟูกิจการ) และจะประกาศ "เลย์ออฟ" พนักงานจำนวนมาก ในเร็วๆ นี้ 

นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุว่า BlockFi ได้เจรจาขอความช่วยเหลือจาก "ฉางเผิง จ้าว" หรือ CZ แห่งแพลตฟอร์มเทรดคริปโทเบอร์ 1 ของโลกอย่าง Binance ด้วย แต่ไม่มีรายละเอียดว่า CZ จะให้ความช่วยเหลือหรือไม่ อย่างไร   

ก่อนหน้านี้ BlockFi ได้ปฏิเสธข่าวลือที่ว่าบริษัทฝากสินทรัพย์ส่วนใหญ่เอาไว้ใน FTX แต่ยอมรับว่ามีการฝากจริงบางส่วน ทำให้ BlockFi มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของ FTX ที่เพิ่งยื่นล้มละลายไปโดยปริยาย ขณะที่ก่อนหน้านี้ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เหรียญ LUNA และ UST ทาง BlockFi เคยขอวงเงินเครดิตไลน์จาก FTX มาก่อนประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



Binance ก็เจอลูกค้าแห่ถอนเงินหนัก

เว็บไซต์ Coindesk รายงานว่า ผลกระทบจากการยื่นล้มละลายของ FTX ซึ่งเคยเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโทใหญ่สุดเบอร์ 2 ของโลกนั้น ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อวงการคริปโท ที่แม้แต่แพลตฟอร์มเทรดเบอร์ 1 อย่าง ไบแนนซ์ (Binance) ก็ยังเจอกระแสการแห่ถอนเงินออกตลอดช่วงหลายวันมานี้

ฉางเผิง จ้าว หรือ CZ ซีอีโอของไบแนนซ์ (Binance)

รายงานอ้างข้อมูลจาก CryptoQuant ว่า ตลอดช่วง 6 วันที่ผ่านมา Binance เจอการแห่ถอนเงินออกรวมแล้วถึง 81,712 บิตคอยน์ หรือราว 1,350 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 5 หมื่นล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของสินทรัพย์บนแพลตฟอร์มที่มีอยู่ประมาณ 5 แสนบิตคอยน์

นอกจากนี้ ยังมีการถอนเหรียญสกุลอื่นๆ อาทิ อีเธอเรียม ที่ถูกถอนออกไป 125,026 อีเธอร์ (ราว 5,530 ล้านบาท)  และเหรียญ Stablecoin อื่นๆ อีกเป็นมูลค่าประมาณ 1,140 ล้านดอลลาร์ (ราว 4 หมื่นล้านบาท)  

ทั้งนี้ CZ เคยเสนอไอเดียในแอคเคาน์ทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เขากำลังจะตั้ง “กองทุนฟื้นฟูอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี” เพื่อช่วยเหลือธุรกิจคริปโทฯ ที่มีพื้นฐานดี แต่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดว่าจะเป็นอย่างไร

แต่ CZ ระบุเพียงแค่ว่า ถ้าบริษัทหรือโปรเจกต์ไหนคิดว่าตัวเองผ่านเกณฑ์ที่จะขอความช่วยเหลือได้ ก็ให้ติดต่อไปที่ Binance Labs และประกาศว่าเขายินดีรับความช่วยเหลือจากนักลงทุนรายอื่นเพื่อมาร่วมสร้างอุตสาหกรรมคริปโทฯ ขึ้นมาใหม่ด้วยกัน

 

 

 

 

advertisement

SPOTLIGHT