พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกถ้อยแถลง ผ่านทาง เว็บไซต์ไทยคู่ฟ้า www.thaigov.go.th ของทำเนียบรัฐบาล เรื่องการที่ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ในเดือนพฤศจิกายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า ปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิก หรือเอเปค ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิภาคของเรา ตั้งเป้าหมายจะ ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างยั่งยืน และครอบคลุม
"ผมรอที่จะต้อนรับผู้นำเอเปคทุกท่านสู่ประเทศไทย ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งทุกท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดเป้าหมายที่สำคัญสำหรับภูมิภาคของพวกเราร่วมกัน" ถ้อยแถลงระบุ
หัวข้อหลักของการเป็นเจ้าภาพเอเปค ปี 2565 คือ เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล (Open Connect Balance) โดยประเด็นสำคัญคือการทำให้เอเปคเปิดกว้างสู่ทุกโอกาส เชื่อมโยงในทุกมิติ และสร้างสมดุลในทุกด้าน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหา ความไม่สมดุลที่เห็นเด่นชัดขึ้นจากวิกฤติโรคระบาด และการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ด้วยการนำแนวคิด “เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว” ซึ่งเป็นโมเดลที่บูรณาการแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ข้อเข้าด้วยกันมาใช้ประโยชน์
ในถ้อยแถลงดังกล่าว นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความสำคัญของการสานต่อความมุ่งมั่น และความร่วมมือของสมาชิกเอเปค ในการพัฒนา ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมเปิดเผยประเทศสมาชิกที่จะมารับไม้ต่อในการเป็นเจ้าภาพใน 2 ปีถัดไป นั่นคือ “สหรัฐอเมริกา” จะเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี ค.ศ. 2023 และ “เปรู” จะเป็น เจ้าภาพเอเปคในปี ค.ศ. 2024
“ด้วยความร่วมมือกัน พวกเราจะเติมเต็มเป้าหมายร่วมในการสร้างประชาคมเอเชีย - แปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และมีสันติภาพ เพื่อประชาชนของเราทุกคนและคนรุ่นหลัง”
สำหรับ เอเปค หรือ กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 1989 ณ กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย