หลังการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.เสร็จสิ้นลงและคนกทม.ได้ผู้ว่ากทม.คนใหม่ รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้รับการการเลือกตั้งด้วยคะแนนโหวตท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ 1,386,215 คะแนน และจากนี้ไปอีก 4 ปี คุณชัชชาติ คือ ความหวังของคนกรุงเทพฯ ที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งเชื่อว่า น่าจะเป็นความรู้สึกเหมือนกันกับคนไทยทุกจังหวัด หลังจากที่เราบอบช้ำจากสถานการณ์โควิด 19 มาเกือบ 3 ปีเต็ม
กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองใหญ่คือเมืองหลวงของประเทศไทย มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะหากพูดถึงกทม.ก็จะเชื่้อมโยงจังหวัดปริมณฑลรวมไปด้วยเนื่องจากเศรษฐกิจ การเดินทาง รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ข้อมูลล่าสุดปี 2563 จากสภาพัฒน์พบว่า ขนาดเศรษฐกิจ หรือ GDP ของกทม.และปริมณฑล คิดเป็น 47.2% ของ GDP ประเทศไทยที่มีมูลค่า 15,277,823 ล้านบาทโดย GDP per Capita หรือ รายได้ต่อหัวประชากรกทม. อยู่ที่ 585,689 บาท มากเป็นอันดับ 2 รองจาก จ.ระยอง 831,734 บาท สัดส่วน GDP กทม.และปริมณฑลถูกแบ่งรายได้เป็นดังนี้
ความบอบช้ำจากสถานการณ์โควิด 19 และรวมไปถึงทิศทางเศรษฐกิจของโลกที่มากระทบไทย แน่นอนว่า กระทบกับเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานครด้วย โดยพบว่า รายได้ต่อหัวประชากรของคนกรุงเทพ ลดลงจาก ปี 2019 ที่ 636,882.48 บาท มาเป็น 585,689 บาทในปี 2020 หรือ ติดลบ -8.04 เทียบปีต่อปี
นี่เป็นเพียงปัญหาที่เราเผชิญอยู่เฉพาะหน้าเท่านั้น ยังไม่ได้รวมปัญหาอื่นๆ ที่สะสมมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ฝนตก น้ำท่วม รถติด ฝุ่นพิษ ขยะ ถนน และอื่นๆอีกมากมายของกรุงเทพมหานคร ที่จะรวมเรียกกันว่า “คุณภาพชีวิต” หากมันถูกแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น จะส่งผลต่อเนื่องไปสู่เศรษฐกิจที่ดีขึ้นในกรุงเทพและปริมณฑล และแน่นอนว่า มันคือสัดส่วนเกือบ 50% ของเศรษฐกิจประเทศไทย
(ว่าที่) ผู้ว่ากทม. ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ให้สัมภาษณ์กับกองบรรณาธิการ SPOTLIGHTก่อนผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะออกมาว่า นโยบายที่ต้องทำทันทีคือ 200 ข้อทีไ่ด้ประกาศไว้ตอนหาเสียง ไม่สามารถที่จะเลือกทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งก่อนได้ เพราะปัญหาของคนกรุงเทพฯมีความหลากหลาย เราสามารถเดินหน้าได้ทันที เช่น ในสัปดาห์แรก จะลุยเรื่องความโปร่งใส สร้างช่องทางแจ้งเหตุ แจ้งปัญหาต่างๆให้ผู้ว่ากทม.ได้ทราบ จะมีการลงพื้นที่ทุกอาทิตย์ เพื่อดูปัญหาและติดตามความคืบหน้าของการแก้ไข ดังนั้นใน 100 วันแรกทุกนโยบายจะต้องได้รับรายงานความคืบหน้า
การทำนโยบายจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1.ปัญหาประจำวันของพี่น้องประชาชนในกทม. และ 2.การวางยุทธศาสตร์ของเมือง ผู้ว่า กทม.ต้องมองอนาคตด้วย เพราะกรุงเทพฯมีศักยภาพหลายด้าน เช่น เราสามารถเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นศูนย์กลางด้าน Wellness เป็นต้น ผู้ว่าต้องทำนโยบายทั้ง 2 ด้าน ปัญหาประจำวันและวางยุทธศาสตร์เมืองไปพร้อมกัน
“ผมมีนโยบายที่ไม่เพ้อฝัน ผมทำได้จริง ไม่ใช้งบประมาณเยอะ และแตะถึงชีวิตพวกเราทุกคน ผมว่ากรุงเทพฯมีศักยภาพมากมาย และหลังจากนี้ไปชีวิตพวกเราจะดีขึ้นทุกคนหลังโควิด ผมขอเป็นผู้นำแห่งความหวังให้พวกเรา เดินไปด้วยกัน และผมเชื่อว่าเราจะร่วมมือกันทำให้กรุงเทพฯเป็น “เมืองที่น่าอยู่"สำหรับทุกคนได้ "
จากโยบายของคุณชัชชาติ ที่มีถึง 200 ข้อถูกแบ่งออกเป็น 9 ด้าน 9 ดี และด้าน "เศรษฐกิจดี" เป็นหนึ่งในนั้น ถูกแบ่งนโยบายออกเป็น 30 กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT คัดเลือก 5 นโยบายที่เด่นคืออะไร และทำอย่างไรบ้าง
- ขึ้นทะเบียนผู้ค้าแผงลอย พร้อมติดตามการดำเนินการ
- หาพื้นที่ขายของสำหรับหาบเร่หรือศูนย์อาหาร
- เปิดตลาด กทม.ออนไลน์ เช่น เปิดเว็บไซต์ ช่องทางออนไลน์ให้ผู้ค้า
- ฝึกอาชีพพัฒนาทักษะยุคใหม่ตอบโจทย์ตลาดงาน
นำร่องรวบรวมสินค้าจากทั้ง 13 ตลาดปัจจุบันและตลาดใหม่ในอนาคตตามนโยบาย ตลาดนัดชุมชน ตลาดนัดเขต ซึ่งมีถึงมากกว่า 20,000 แผงค้าที่จะเข้าสู่ระบบออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มช่องทางให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ขณะเดียวกันนโยบายนี้จะส่งเสริมการจ้างงานคนในชุมชนโดยรอบตลาด เพิ่มรายได้ให้วินจักรยานยนต์ และลดการแออัดของตลาดและปัญหาจราจรด้วย
- ผู้ว่าฯ เที่ยงคืน สนับสนุนการใช้ชีวิตและเศรษฐกิจกลางคืน
ปัจจุบันหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกให้การสนับสนุนกิจกรรมยามค่ำคืน โดยมี night mayor หรือผู้ว่ายามค่ำคืนเป็นผู้บริหารจัดการครอบคลุมประเด็นด้านเศรษฐกิจ การเดินทาง ความปลอดภัย และศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตในยามค่ำคืนได้อย่างปลอดภัยและไร้กังวล โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ตัวอย่างเมืองที่มีผู้ว่ากลางคืน เช่น อัมสเตอร์ดัม ลอนดอน ซิดนีย์ วอชิงตัน ดีซี และเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น
- เพิ่มรถเมล์สายหลักและรอง ราคาถูกราคาเดียว
- จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ กทม. (กรอ. กทม.)
อ่านนโยบายเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ www.chadchart.com
ปัญหาที่มากมาย หมักหมมและสะสมมานาน กับความหวังของคนกรุงเทพฯทำให้ช่วงเวลาการทำงานของผู้ว่า กทม. คนใหม่ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่มีเวลาฮันนีมูนมากนัก และหากผลงานของคุณชัชชาติใน 4 ปีจากนี้ กทม.ดีขึ้น กลายเป็นเมืองน่าอยู่ อย่างที่คุณชัชชาติประกาศไว้ได้จริงๆ นั่นหมายความว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศที่มาจาก กทม.และปริมณฑลเกือบ 50% กำลังดีขึ้นตามไปด้วย สิ่งนี้คือความเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ทุกคนรอคอย …
ที่มาข้อมูล
https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=gross_regional
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=12388&filename=gross_regional