ในเชิงเศรษฐศาสตร์ 3 สิ่งที่อยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นเรื่อง ก็คือ ค่าเงินที่คงที่ ดอกเบี้ยที่เลือกกำหนดตามใจฉัน และเงินทุนที่ไหลอย่างอิสระ (Free Flow of Capital) ทฤษฎีนี้เรียกว่า Impossible Trinity หรือ "สามเป็นไปไม่ได้" ซึ่งถูกคิดค้นโดย Robert Mundell นักเศษฐศาสตร์รางวัลโนเบล และ John Fleming เมื่อช่วงปี 1960-1963 ประเทศไหนก็ตามที่พยายามจะทำใน 3 สิ่งนี้พร้อมๆกันปัญหาก็จะตามมา
หลังค่าเงินเยน อ่อนค่าหนักที่สุดในรอบ 32 ปี ทะลุ 150 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงค่าเงินอย่างต่อเนื่อง รอบล่าสุดคือ คืนวันที่ 20 ตุลาคม 2565 นิเคอิ เอเชีย อ้างอิงข้อมูลสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คาดการณ์ว่า ญี่ปุ่นใช้เงินเข้าไปแทรกแซงค่าเงินแล้ฟวถึง 5.5 ล้านล้านเยน (37,000 ล้านดอลลาร์) เฉพาะเดือนกันยายน น่าจะใช้ไปต่อสู้กับเงินไป 2.8 ล้านล้านเยนแล้ว
แม้ว่าจะทำให้เยนกลับมาแข่งค่าขึ้นได้ต่ำกว่า 150 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า สงครามค่าเงินเยนอ่อน จะจบลงง่ายๆ ญี่ปุ่นกำลังเจอกับความเสี่ยงที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่า มันคือเส้นทางสู่ ‘วิกฤติเศรษฐกิจ’
SPOTLIGHT ชวนอ่านบทความของ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้โพสลงในเพจ กอบศักดิ์ ภูตระกูล อธิบายถึงการใช้นโยบายการเงินของทางการญี่ปุ่นเพื่อสู้กับวิกฤติเงินเยนอ่อน แล้วคุณจะเข้าใจว่า “วิกฤติ” รออยู่แค่เอื้อมเท่านั้น
ถ้าทางการญี่ปุ่นยังเลือกที่จะเดินตามแนวทางปัจจุบัน
-กดดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลไว้ให้ต่ำ เพื่อช่วยรัฐบาลที่มีหนี้มาก
-กดค่าเงินไว้ไม่ให้อ่อนไปกว่านี้
ทั้งหมด คงจบลงด้วยการเกิดวิกฤต ที่จะเป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ในเชิงเศรษฐศาสตร์ 3 สิ่งที่อยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นเรื่อง ก็คือ ค่าเงินที่คงที่ ดอกเบี้ยที่เลือกกำหนดตามใจฉัน และเงินทุนที่ไหลอย่างอิสระ (Free Flow of Capital) ทฤษฎีนี้เรียกว่า Impossible Trinity หรือ "สามเป็นไปไม่ได้" ซึ่งถูกคิดค้นโดย Robert Mundell นักเศษฐศาสตร์รางวัลโนเบล และ John Fleming เมื่อช่วงปี 1960-1963 ประเทศไหนก็ตามที่พยายามจะทำใน 3 สิ่งนี้พร้อมๆ กัน ปัญหาก็จะตามมา
โดยประเทศที่มีค่าเงินคงที่ แต่อยากจะกดดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เงินจะไหลออกจากประเทศ จากดอกเบี้ยต่ำ ไปหาประเทศที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า นำมาซึ่งเงินสำรองที่จะร่อยหรอลงจนสุดท้าย ก็เกิดวิกฤตค่าเงิน
หรือประเทศที่กดดอกเบี้ยไว้ต่ำกว่าคนอื่น แต่อยากตรึงค่าเงินไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง สุดท้ายก็จะประสบปัญหาเดียวกัน คือเงินไหลออก นำไปสู่แรงกดดันต่อค่าเงินที่ตรึงไว้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สุดท้ายเงินสำรองก็หร่อยหรอ และสุดท้ายก็ไม่สามารถคงค่าเงินไว้ได้ กลายเป็นวิกฤตเช่นกัน...สิ่งที่ทางการญี่ปุ่นทำขณะนี้ ก็คือเรื่องนี้
แบงก์ชาติญี่ปุ่น ได้ประกาศโครงการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ต้องประกาศ Emergency Bond Buying Program อีก 2.5 แสนล้านเยน
ทั้งหมดจะทำให้ญี่ปุ่นเข้าเงื่อนไขของทฤษฎี "สามเป็นไปไม่ได้" หรือ Impossible Trinity และหมายความต่อไปว่า ถ้ายังคงเดินไปตามทางนี้ เงินดอกเบี้ยต่ำในญี่ปุ่น (ดอกเบี้ยนโยบายญี่ปุ่น-0.1%) ก็จะไหลออกไปหาเงินดอกเบี้ยสูงในสหรัฐ โดยมีทางการญี่ปุ่นช่วยดูแลความเสี่ยงเรื่องค่าเงินให้ เงินที่ไหลออก ก็จะกดดันต่อค่าเงินเยน และทำให้เงินสำรองที่ญี่ปุ่นมีอยู่ 1.24 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดของโลก จะเริ่มค่อยๆ ถูกตอดออกไป ซึมออกไป ลดลงเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ยังจะเป็นเป้าการโจมตีเป็นระลอกๆ ทำให้เงินสำรองลดลงถึงระดับที่น่ากังวลใจ และนำมาซึ่งวิกฤตในที่สุด
ก็ได้แต่หวังว่า ทางการญี่ปุ่นจะเปลี่ยนใจ เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง "คงดอกเบี้ยไว้ต่ำ" หรือ "รักษาค่าเงินเยนไม่ให้อ่อนไปกว่านี้"เพราะสงครามกับนักเก็งกำไร มักจะจบไม่ดี โดยเฉพาะสำหรับประเทศเปราะบาง และมีจุดอ่อนอยู่ภายในมักจะแพ้สงครามดังกล่าว จากเงื่อนไขที่ถูกมัดมือไว้ยิ่งเมื่อฉลามได้กลิ่นเลือด ฝูงฉลามจะพากันมาเยือน ทำให้เงินที่คิดว่ามีมาก มี Unlimited ก็อาจจะไม่พอได้เช่นกัน ขอเป็นกำลังใจให้ญี่ปุ่นครับ