ในสมัยก่อนช็อกโกแลตคืออาหารของคนชนชั้นสูงด้วยวัตถุดิบที่หายากและมีราคาแพง ก่อนจะค่อยๆ ราคาย่อมเยาลงจนคนส่วนมากเข้าถึงได้ แต่ในอนาคตของหวานของโปรดของใครๆ หลายคนนี้อาจกลับไปเป็นอาหารของคนรวยอีกรอบแล้ว เพราะราคาวัตถุดิบของช็อกโกแลตมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากภาวะโลกร้อนที่ทำให้ผลผลิตลดลง
จากข้อมูลของ NeilsenIQ ราคาช็อกโกแลตปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 14% ทั่วโลก เพราะวัตถุดิบของช็อกโกแลต ไม่ว่าจะเป็น โกโก้ และน้ำตาล ปรับตัวสูงขึ้นทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จากการรายงานของ CNBC ราคาของผงโกโก้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 3,160 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 109,000 บาทต่อตันแล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาของน้ำตาลเพิ่มขึ้นจนทะลุระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ราคาของวัตถุดิบเหล่านี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากภาวะสภาพอากาศแปรปรวนจากภาวะโลกร้อน เพราะโกโก้เป็นพืชที่อ่อนไหวต่อสภาพอากาศมาก จนถ้าอากาศชื้นหรือแห้งแล้งมากเกินไปจะส่งผลต่อปริมาณผลผลิต และทำให้ราคาสูงขึ้นหากมีผลผลิตลดลง
จากข้อมูลของ Sergey Chetvertakov นักวิเคราะห์ของ S&P Global Commodity Insights ปริมาณสต็อกโกโก้ทั่วโลกลดลงเรื่อยๆ จากผลผลิตที่ลดลง ซึ่งมีแนวโน้มจะลดลงอีกจากการมาของปรากฎการณ์เอลนีโญซึ่งจะทำให้อากาศแล้งขึ้น ปริมาณน้ำฝนลดลงในทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ และประเทศกานา แหล่งผลิตโกโก้ 60% ของโลก
Chetvertakov คาดการณ์ว่าราคาโกโก้มีโอกาสจะขึ้นไปสูงถึง 3,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในช่วงเดือนตุลาคมและกันยายนปีหน้า และจะส่งผลให้ราคาช็อกโกแลตพุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อนำไปประกอบกับค่าต้นทุนอื่นๆ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งค่าพลังงานในการขนส่ง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
โดยในหมู่ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต ประเภทของช็อกโกแลตที่มีแนวโน้มจะราคาพุ่งมากที่สุดก็คือ ‘ดาร์กช็อกโกแลต’ เพราะช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้โกโก้ในสัดส่วนที่สูงกว่าช็อกโกแลตชนิดอื่น เช่น ช็อกโกแลตนม หรือช็อกโกแลตขาว ที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และนมอยู่ด้วย
ที่มา: CNBC