วิจัยกสิกรฯ หั่นคาดการณ์ส่งออกไทยปี 68 เหลือ -0.5% จากภาษีทรัมป์
ปี 2568 เริ่มต้นด้วยข่าวดีต่อเศรษฐกิจไทย เมื่อมูลค่าการส่งออกในเดือนมีนาคมพุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวถึง 17.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางแรงกระตุ้นจากคำสั่งซื้อเร่งด่วนของสหรัฐฯ และจีน ก่อนมาตรการภาษีใหม่ของวอชิงตันจะเริ่มมีผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความร้อนแรงในไตรมาสแรก กลับมีพายุลูกใหญ่รออยู่ข้างหน้า เมื่อมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลจริงจังในช่วงครึ่งหลังของปี บวกกับการแข่งขันจากจีนที่รุกคืบเข้ามาในตลาดอาเซียนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัวลง ทั้งหมดนี้กำลังสร้างแรงต้านใหม่ต่อการส่งออกไทย
บทความนี้จะชวนผู้อ่านสำรวจภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2568 อย่างรอบด้าน ตั้งแต่ความสำเร็จในช่วงต้นปี ไปจนถึงความเสี่ยงที่อาจฉุดรั้งการเติบโตในช่วงถัดไป และบททดสอบสำคัญที่ไทยต้องเผชิญในเวทีการค้าโลก
ปี 68 ส่งออกไทยเริ่มต้นดี แต่แค่เพราะคู่ค้าเร่งตุนของก่อนภาษีทรัมป์มีผล
มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม 2568 พุ่งแตะระดับ 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวถึง 17.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบ 3 ปี โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการเร่งนำเข้าสินค้าของคู่ค้ารายใหญ่ก่อนสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
สินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เช่น คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน (รวมถึง HDD) ขยายตัวโดดเด่นถึง 80% YoY จากคำสั่งซื้อเร่งด่วนในตลาดสหรัฐฯ และจีน ขณะที่การส่งออกทองคำก็เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 269.5% YoY จากราคาทองคำโลกที่ทำสถิติสูงอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ หากหักทองคำออก การส่งออกยังขยายตัวในอัตราสูงที่ 13.8% YoY
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมจะเป็นบวก แต่ก็เริ่มมีสัญญาณของแรงกดดันในบางกลุ่มสินค้า เช่น การส่งออก แผงโซลาร์เซลล์ ที่หดตัว -31.2% YoY เนื่องจากสหรัฐฯ เตรียมบังคับใช้มาตรการ AD/CVD ซึ่งอาจทำให้อัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 375% อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการส่งออกสินค้านี้ไปสหรัฐฯ ลดลงตั้งแต่ปี 2567 จึงคาดว่าผลกระทบต่อภาพรวมจะไม่รุนแรงนัก
แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2568
- ไตรมาส 2: ส่งออกยังเป็นบวก แต่ชะลอตัว
แม้การส่งออกในไตรมาส 2/2568 ยังมีแนวโน้มขยายตัว แต่จะชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสแรก เนื่องจากคำสั่งซื้อล่วงหน้าได้เกิดขึ้นไปมากแล้วในช่วงก่อนประกาศขึ้นภาษีของสหรัฐฯ อีกทั้งเดือนพฤษภาคม 2567 ยังเป็นฐานเปรียบเทียบที่อยู่ในระดับสูง จึงทำให้การเติบโตในปีนี้ยากขึ้น
- ครึ่งปีหลัง: ส่งออกไทยเผชิญแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ
ในครึ่งหลังของปี คาดว่าการส่งออกไทยจะเริ่มหดตัว โดยมีปัจจัยกดดันหลักคือ มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2568 ซึ่งแม้ว่าสหรัฐฯ จะขยายระยะเวลาการขึ้นภาษีออกไปอีก 90 วัน (สิ้นสุด 9 กรกฎาคม) แต่ระดับของภาษียังคง "รุนแรงกว่าคาดการณ์เดิม"
ข้อมูลจากเกาหลีใต้ชี้ให้เห็นภาพรวมของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยการส่งออกในช่วง 20 วันแรกของเดือนเมษายน หดตัว -5.2% YoY ซึ่งอาจสะท้อนถึงภาวะที่ไทยกำลังจะเผชิญ
นอกจากนี้ แม้สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลงจาก 145% เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง แต่ภาษีที่ยังอยู่ในระดับสูงนี้ยังคงส่งผลให้สินค้าจากจีนได้เปรียบเชิงการแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาดโลกและตลาดอาเซียน ซึ่งกำลังกลายเป็นจุดหมายสำคัญของสินค้าจีน สวนทางกับแนวโน้มการส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว
ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าโลกยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ โดยองค์การการค้าโลก (WTO) ได้ปรับลดคาดการณ์การค้าโลกในปี 2568 เหลือเพียง -0.2% จากที่เคยคาดไว้ที่ 3.0% ในเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งถือเป็นสัญญาณชัดเจนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจการค้าโลก
คาดการณ์ส่งออกไทยทั้งปี 2568
จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับลดประมาณการการส่งออกของไทยในปี 2568 ลงเป็น -0.5% จากเดิมที่ประเมินไว้ว่าจะขยายตัวที่ 2.5%
อย่างไรก็ตาม ภาคส่งออกไทยยังมีความหวังอยู่หากไทยสามารถเจรจาให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าต่ำกว่า 36% และต่ำกว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามหรือมาเลเซีย ก็อาจทำให้การส่งออกกลับมาขยายตัวได้
แต่หากการเจรจาไม่สำเร็จ หรือไทยถูกจัดเก็บภาษีในระดับสูงกว่าคู่แข่ง ก็อาจส่งผลลบต่อทิศทางการส่งออกของประเทศในช่วงครึ่งปีหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
