ช่วงนี้เราได้เห็นคอนเสิร์ต จากศิลปินชื่อดังระดับโลกมา World Tours แถบประเทศอาเซียนบ่อยมากขึ้น สำหรับในไทย Bruno Mars ศิลปินชาวอเมริกันแนวป๊อปและ R&B เจ้าพ่อฉายา Little Elvis มาระเบิดความมัน ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน แถมยังสร้างกระแสฮือฮาในโซเชียล หลังใส่กางเกงช้าง เข้าทางไทยกำลังดันให้เป็น Soft Power พอดี
ดูเหมือนรัฐบาลกำลังเปิดรับและมองหาศิลปินรวมถึงเทศกาลระดับให้มาจัดแสดงที่ประเทศไทย ตามนโยบายผลักประเทศไทย เป็น Festival Hub ระดับโลก
ความหวังการเป็น Festival Hub ของไทย ใกล้เป็นจริงเมื่อทางรัฐบาลโดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2567 ว่า เทศกาลดนตรีระดับโลก Tomorrowland จะมาจัดแสดงงานที่ประเทศไทย โดยจะเริ่มจัดงานในปี 2569 (ปีค.ศ.2026)หรือในอีก 2 ปีข้างหน้า และอาจจัดต่อเนื่องถึง 10 ปี
Tomorrowland (ทูมอร์โรว์แลนด์) หนึ่งในงานเทศกาลดนตรีแนวแนวอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ หรือ EDM ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก หากไทยเป็นสถานที่จัดงานได้จริงคาดว่า จะดึงดูดผู้คนเดินทางมาได้อีกจำนวนมาก
แต่ล่าสุดทางตัวแทนของ Tomorrowland กลับเปิดเผยว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการตกลงกันอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด โดย Debby Wilmsen โฆษกของ Tomorrowland ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ EDM.com เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 ว่าในช่วงเดือนธันวาคม 66 ทีมงาน Tomorrowland ได้รับสิทธิพิเศษในการหารือกับฝ่ายต่างๆ และสำรวจสถานที่ที่มีศักยภาพสำหรับงานเทศกาล Tomorrowland ในประเทศไทย และได้มีการลงนามในข้อตกลง MOU แบบเอกสิทธิ์ (exclusive) กับหุ้นส่วน ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนฝั่งไทย
อย่างไรก็ตาม Tomorrowland มีความสนใจอย่างมากที่จะจัดงานในประเทศไทย แต่กำลังสำรวจถึงความเป็นไปได้อย่างจริงจัง ซี่งยังไม่สามารถให้คำยินยันหรือรายละเอียดเชิงลึกใดๆได้
คราวนี้เราลองมาทำความรู้จักกับ Tomorrowland (ทูมอร์โรว์แลนด์) หนึ่งในงานเทศกาลดนตรีแนวแนวอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ หรือ EDM ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกนี้กันหน่อย
ตามปกติจะจัดขึ้นราวเดือนกรกฎาคม เป็นระยะเวลาราว 1 สัปดาห์ ณ เมืองบูม ประเทศเบลเยียม โดยมีขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2005 และหากถ้าเรานับถึงปี 2023 เท่ากับว่าเทศกาลดนตรีนี้ มีอายุมานานมากกว่า 18 ปีแล้ว
โดยทุกครั้งของการจัดเทศกาลนี้ จะมีการเปิดการจองบัตรล่วงหน้า นานถึง 8 เดือน เช่นเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา Tomorrowland ครั้งที่จะถึงมีคิวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 กรกฎาคม และ 26-28 กรกฎาคม 2023 โดยเปิดให้ลงทะเบียนจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2022 เพียงแค่ไม่กี่นาที บัตรได้หมดลงอย่างรวดเร็ว แม้ราคาบัตรจะมีราคาถึง 22,500 – 26,500 บาท (GA เข้างาน 3- 4 วัน)
สำหรับชาว EDM Tomorrowland ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่พวกเขาตั้งปฏิฐานว่าอยากจะเดินทางเข้าไปเข้าร่วมสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะงานนี้ได้รวบรวมคอ EDM ทั่วทุกมุมโลก ที่มีความชื่นชอบแบบเดียวกัน การได้เห็นเวที โปรดักชั่นที่ล้ำสมัยเพราะแต่ละปีก็จะมีธีมการจัดงานที่แตกต่างไป หรือการได้ตัวแทนประเทศไทย นำธงชาติไทยมาโบกสะบัด ปักหมุดว่าปีนี้คนไทยมา รวมถึงการได้เห็นศิลปิน ดีเจ ชื่อดังระดับโลกที่เป็นศิลปินในฝันแบบตัวเป็นๆ
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอลุ้นอย่างมีความหวังต่อไป เพราะหาก Tomorrowland ได้มาจัดงานเทศกาลที่ประเทศไทยจริง ก็นับได้ว่า จะเป็นครั้งที่ 4 ที่มีการจัดงานนอกประเทศบ้านเกิดของเทศกาลดนตรีนี้ เเละเชื่อว่ากองทัพนักท่องเที่ยวคอดนตรีจะต้องมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยจํานวนมากอย่างเเน่นอน และนั้นจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น Festival Hub ที่มีความพร้อมด้านศักยภาพและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่เทศกาล EDM ในตำนานยอมมาจัด
สำหรับการยกระดับไทยสู่การเป็นจุดหมายที่โดดเด่นในการจัดงานเทศกาลระดับโลก (Festival Hub) ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาได้พบหารือผู้บริหารสำคัญของบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดกิจกรรมระดับโลก เช่น Formula One Group, Formula E, Art Basel มาแล้ว
นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ร่วมกับพันธมิตร วางเป้าหมายยกระดับงานเทศกาล ร่วมสร้าง “ระบบนิเวศสร้างสรรค์” สำหรับการจัดงานเทศกาลในไทย ผ่านแนวทาง
Summer Sonic เป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในระดับโลก เตรียมจัดที่ไทยภายใต้ชื่องาน Summer Sonic Bangkok 2024 ระหว่างวันที่ 24 - 25 สิงหาคม 2567 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ถือเป็นการจัดงาน Summer Sonic ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน และเป็นการจัดครั้งที่ 2 นอกประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย ผู้จัดงาน และผู้ถือลิขสิทธิ์
ซึ่งนี้ถือว่าเป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จของรัฐบาลหลังการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Festival Hub จุดหมายที่โดดเด่นในการจัดงานเทศกาลระดับโลก
กรณีศึกษา บทเรียนราคาแพง The Ears Tour ของสิงคโปร์
ไทยอาจต้องเตราียมตัวเองให้พร้อม เพราะกรณีศึกษาของประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง สิงคโปร์ ที่สามารถดึงตัว Taylor Swift ซุปเปอร์สตาร์สาวชาวอเมริกันชื่อดัง มาแสดงคอนเสิร์ต The Ears Tour ได้สร้าง impact ในแง่ของประกาศศักดาความพร้อมของประเทศ ที่ได้รับเลือกเป็นประเทศแห่งเดียวในอาเซียน
และแน่นอนว่า ปรากฎการณ์ Swiftomics ได้สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจสิงคโปร์ 350-500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (หรือราวประมาณเกือบ 9,315,524,400 -13,307,227,500 บาท) และ GDP ขยายตัวถึง 2.9% ซึ่งเป็นอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 6 ไตรมาสที่ผ่านมา
บทเรียนราคาแพงนี้ ได้สร้างความตื่นตัวให้แก่รัฐบาลของหลายประเทศในอาเซียน ทั้งในเรื่องของการเตรียมความพร้อมเรื่องศักยภาพและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่นสถานที่จัดงานต้องเป็นไปตามหลักของสากล รวมถึงเร่งออกมาตราการ เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ศิลปินระดับโลกมาเยือนประเทศของตนให้ได้ และแน่นอนว่าการเป็นเจ้าภาพจัดงานคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก นั้นหมายถึง เม็ดเงินมหาศาลจะถูกดึงดูดเข้ามาในประเทศ ภาคการท่องเที่ยวจะได้รับการกระตุ้นโดยปริยาย….หากไทยจะเป็นฮับก็ช้าไม่ได้เช่นกัน
อ้างอิง : รัฐบาลไทย