แม้ว่าแนวคิดการแก้ไขกฏหมายเพิ่มสัดส่วนการถือครองคอนโดให้กับชาวต่างชาติได้มากขึ้นเป็น 75% จากเดิม 49% จะยังอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ก็พบว่า ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในในไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า เพิ่มขึ้น 4.3 % คิดเป็นจำนวน 3,938 หน่วย มีมูลค่ารวมของการโอนกรรมสิทธิ์ 18,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2 % เช่นกัน
1.จีน 1,596 หน่วย มูลค่า 7,570 ล้านบาท
2.พม่า 392 หน่วย มูลค่า 2,207 ล้านบาท
3.รัสเซีย 295 หน่วย มูลค่า 924 ล้านบาท
4.สหรัฐฯ 164 หน่วย มูลค่า 919 ล้านบาท
5.เยอรมัน 151 หน่วย มูลค่า 485 ล้านบาท
6.ไต้หวัน 143 หน่วย มูลค่า 680 ล้านบาท
7.ฝรั่งเศส 129 หน่วย มูลค่า 550 ล้านบาท
8.สหราชอาณาจักร 108 หน่วย มูลค่า 373 ล้านบาท
9.ออสเตรเลีย 83 หน่วย มูลค่า 258 ล้านบาท
10.สิงคโปร์ 57 หน่วย มูลค่า 335 ล้านบาท
มีข้อสังเกตว่า พม่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 415.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยับลำดับขึ้นอย่างรวดเร็ว จากลำดับที่ 25 ในปี 2564 เป็นลำดับที่ 6 ในปี 2565 และ เป็นลำดับที่ 4 ในปี 2566 โดยล่าสุดขึ้นมาเป็นลำดับ 2 ในไตรมาส 1 ปี 2567 คาดว่าสาเหตุมาจาก การอพยพย้ายถิ่นฐานมาจากปัญหาความไม่สงบในเมียนมา
สำหรบห้องชุดที่ชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีขนาดเฉลี่ย 43.9 ตารางเมตร มูลค่าเฉลี่ย 4.6 ล้านบาท/หน่วย หรือ ประมาณตารางเมตรละ 104,119 บาท
ผู้ซื้อสัญชาติสิงคโปร์มีมูลค่าเฉลี่ยในการรับโอนกรรมสิทธิ์ต่อหน่วยสูงสุด 5.9 ล้านบาท ผู้ซื้อสัญชาติสหรัฐอเมริกามีพื้นที่เฉลี่ยของห้องชุดที่รับโอนกรรมสิทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดเฉลี่ย 60.3 ตารางเมตร สำหรับผู้ซื้อสัญชาติจีน ซึ่งมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดในบรรดาชาวต่างชาติ มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์เฉลี่ย 4.7 ล้านบาท/หน่วย และพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ย 39.6 ตารางเมตร
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่า ชาวต่างชาติให้ความสนใจที่จะซื้อคอนโดมือสองอย่างมีนัยสำคัญ โดยสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติที่เป็นห้องชุดใหม่ต่อห้องชุดมือสองในด้านจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์มีอัตราส่วน 55.2 : 44.8 ส่วนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์มีอัตราส่วน 66.2 : 33.8 และในด้านส่วนพื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มีอัตราส่วน 50.6 : 49.4 ซึ่งคนต่างชาติอาจมีความต้องการห้องชุดมือสองที่มักจะอยู่ในทำเลพื้นที่ชั้นในหรือพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง ซึ่งในปัจจุบันมีอุปทานให้เลือกน้อยลง
ข้อมูลที่กล่าวมานี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของชาวต่างชาติในการซื้อห้องชุดในเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด