กองบัญชาการภาคตะวันออกแห่งกองกำลังปลดปล่อยประชาชนจีน ประกาศว่า เสร็จสิ้นการซ้อมรบรหัส Joint Sword-2024B รอบเกาะไต้หวันอย่างสำเร็จด้วยดี โดยการฝึกซ้อมครั้งนี้กินเวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น และเป็นการส่งคำเตือนถึง “ความพยายามแบ่งแยกดินแดน” ของไต้หวัน ซึ่งทำให้ทั้งสหรัฐฯและไต้หวันออกมาประณามการซ้อมรบดังกล่าว
เมื่อวานนี้ (14 ตุลาคม) กองบัญชาการภาคตะวันออกของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ประกาศจัดการซ้อมรบร่วมภายใต้รหัส “Joint Sword-2024B” บริเวณช่องแคบไต้หวัน ทางตอนเหนือ ตอนใต้ และตะวันออกของเกาะไต้หวัน โดยมีกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองทัพจรวดเข้าร่วม โดยอธิบายว่า การฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นการขัดขวางกองกำลังที่ต้องการแยกตัว และเป็นการกระทำที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และคงไว้ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศชาติ
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกจีนไม่ได้ระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะกินเวลากี่วัน อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดก็พบว่า การฝึกซ้อมรอบเกาะไต้หวันครั้งนี้ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น
ทั้งนี้ ไต้หวันเตรียมพร้อมรับมือการซ้อมรบอยู่แล้ว นับตั้งแต่นายไล่ ชิงเต๋อขึ้นเวทีแสดงสุนทรพจน์เมื่อวันชาติไต้หวัน ในวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์บางส่วนก็มองว่า การฝึกซ้อมของไต้หวันในวันจันทร์ที่ผ่านมามีขึ้นเพียงวันเดียว เพราะไม่ต้องการเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
กองกำลังป้องกันชายฝั่งจีนยังคงจัดการลาดตระเวนน่านน้ำรอบเกาะไต้หวันเมื่อวานนี้ โดยมีเรือ 2901, 1305, 1303 และ 2102 เข้าร่วม ตามหลักการ “จีนเดียว” และในวันเดียวกันนี้ กองกำลังป้องกันชายฝั่งฝูเจี้ยนได้จัดการลาดตระเวนใกล้กับเกาะตงหยิน และเกาะหมาจู่ ซึ่งน่านน้ำรอบๆเกาะดังกล่าวเป็นพื้นที่หาปลาที่สำคัญของชาวประมงจากช่องแคบไต้หวัน
การซ้อมรบร่วมครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีของไต้หวัน แสดงสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติไต้หวัน ยืนยันสถานะปกครองตนเองของไต้หวัน โดยเขากล่าวว่า จีนไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงตนเป็นตัวแทนของไต้หวัน แม้ว่าไต้หวันจะร่วมมือกับจีนก็ตาม
นับตั้งแต่นายไล่ขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำเกาะไต้หวันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขาก็ให้คำมั่นอยู่เสมอว่า เขายึดมั่นในเรื่องอธิปไตยของไต้หวัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลจีนมาตลอด เนื่องจากจีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และพร้อมใช้กำลังเข้ายึด หากจำเป็น
ที่มา : Reuters