Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
10 จังหวัดทำเงินจากท่องเที่ยวไทยสูงสุด ปี 2567 (9 เดือนแรก)
โดย : ก่อกิจ เกตุบรรเทิง

10 จังหวัดทำเงินจากท่องเที่ยวไทยสูงสุด ปี 2567 (9 เดือนแรก)

8 พ.ย. 67
12:07 น.
|
56K
แชร์

ปี 2567 นับเป็นปีที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากเผชิญกับความท้าทายนานัปการ รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้น ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่พุ่งสูงขึ้น สร้างรายได้มหาศาล สะท้อนถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งของ "สยามเมืองยิ้ม" ในการดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก

บทความนี้ จะพาคุณไปดู 10 จังหวัดยอดนิยม ที่ครองแชมป์การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว พร้อมวิเคราะห์แนวทางการต่อยอดธุรกิจ เพื่อคว้าโอกาสทอง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน


วิธีลงทะเบียน แอ่วเหนือคนละครึ่ง รับเงินเที่ยว 400 บาท ฟรีๆ เช็คที่นี่


10 จังหวัดทำเงินจากท่องเที่ยวไทยสูงสุด ปี 2567 (9 เดือนแรก)

10 จังหวัดทำเงินจากท่องเที่ยวไทยสูงสุด ปี 2567 (9 เดือนแรก)

รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ประจำช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้น โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยสูงถึง 148.02 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 8.98% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้มหาศาลกว่า 702,527.42 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 12.63% และ Y-o-Y เฉลี่ย 4,746 บาทต่อคนต่อทริป คาดว่าสิ้นปี 2567 นี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะทะลุ 197 ล้านคน-ครั้ง และมีรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 936,703 ล้านบาท

ตัวเลขเหล่านี้เป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 10 จังหวัดยอดนิยม ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตและสร้างรายได้มหาศาล มาดูกันว่า ผู้ประกอบการในแต่ละจังหวัดควรปรับตัวอย่างไร เพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจนี้ไว้

10 จังหวัดทำเงินจากท่องเที่ยวไทยสูงสุด และ แนวทางต่อยอดสำหรับผู้ประกอบการ

อันดับ จังหวัด จำนวนนักท่องเที่ยว (คน)
เงินสะพัด (ล้านบาท)
1 กรุงเทพมหานคร 22,522,105 127,843.24
2 ชลบุรี 11,075,373 74,423.28
3 กาญจนบุรี 10,953,818 24,999.80
4 ประจวบคีรีขันธ์ 8,169,898 31,979.67
5 เพชรบุรี 8,102,315 24,737.13
6 พระนครศรีอยุธยา 6,667,115 14,176.29
7 นครราชสีมา 6,011,804 11,429.93
8 เชียงใหม่ 5,557,354 42,784.22
9 สุพรรณบุรี 4,993,316 7,923.60
10 สมุทรสงคราม 4,896,388 5,287.23

1. กรุงเทพมหานคร: เมืองหลวงแห่งนี้ยังคงครองแชมป์จุดหมายปลายทางยอดนิยม ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 22,522,105 คน สร้างรายได้ 127,843.24 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ต้องเน้นยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น ระบบจองห้องพักออนไลน์ แพลตฟอร์มชำระเงิน และการนำเสนอข้อมูลผ่านช่องทางดิจิทัล

2. ชลบุรี: เมืองท่องเที่ยวชายทะเล ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 11,075,373 คน และรายได้ 74,423.28 ล้านบาท ธุรกิจควรสร้างมูลค่าเพิ่มและความแตกต่าง เช่น การพัฒนาสินค้าและบริการให้หลากหลาย จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างแบรนด์ที่โดดเด่น และเน้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

3. กาญจนบุรี: เมืองแห่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และกิจกรรมผจญภัย มีจำนวนนักท่องเที่ยว 10,953,818 คน สร้างรายได้ 24,999.80 ล้านบาท ธุรกิจควรเน้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และการจัดกิจกรรมแอดเวนเจอร์ โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

4. ประจวบคีรีขันธ์: เมืองชายทะเลที่สวยงาม มีจำนวนนักท่องเที่ยว 8,169,898 คน สร้างรายได้ 31,979.67 ล้านบาท ธุรกิจควรเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการระดับพรีเมียม เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่ม High-end เช่น แพ็คเกจท่องเที่ยวแบบ Exclusive บริการ Butler Service และประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว

5. เพชรบุรี: เมืองแห่งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และอาหาร มีจำนวนนักท่องเที่ยว 8,102,315 คน สร้างรายได้ 24,737.13 ล้านบาท ธุรกิจควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงอาหาร และการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยเน้นการอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น

6. พระนครศรีอยุธยา: เมืองมรดกโลก มีจำนวนนักท่องเที่ยว 6,667,115 คน สร้างรายได้ 14,176.29 ล้านบาท ธุรกิจควรเน้นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ เช่น การแสดงแสงสีเสียง การแต่งกายย้อนยุค และการเยี่ยมชมโบราณสถาน

7. นครราชสีมา: เมืองแห่งธรรมชาติ และวัฒนธรรมอีสาน มีจำนวนนักท่องเที่ยว 6,011,804 คน สร้างรายได้ 11,429.93 ล้านบาท ธุรกิจควรเน้นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น การเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติ การเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน และการชิมอาหารพื้นเมือง

8. เชียงใหม่: เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมทางภาคเหนือ มีจำนวนนักท่องเที่ยว 5,557,354 คน สร้างรายได้ 42,784.22 ล้านบาท ธุรกิจควรเน้นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น การเดินป่า การเยี่ยมชมวัด และการพักผ่อนในสปา

9. สุพรรณบุรี: เมืองแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีจำนวนนักท่องเที่ยว 4,993,316 คน สร้างรายได้ 7,923.60 ล้านบาท ธุรกิจควรเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงศาสนา เช่น การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ การเรียนรู้การทำนา และการไหว้พระขอพร

10. สมุทรสงคราม: เมืองแห่งสายน้ำ และวิถีชีวิตริมคลอง มีจำนวนนักท่องเที่ยว 4,896,388 คน สร้างรายได้ 5,287.23 ล้านบาท ธุรกิจควรเน้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวโดยชุมชน เช่น การล่องเรือ การเยี่ยมชมตลาดน้ำ และการพักแบบโฮมสเตย์

คว้าโอกาสทอง ธุรกิจท่องเที่ยวไทย

10 จังหวัดทำเงินจากท่องเที่ยวไทยสูงสุด ปี 2567 (9 เดือนแรก)

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่าปี 2567 เป็นปีทองของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 10 จังหวัดที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้มหาศาล กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ท่ามกลางโอกาสอันสดใสนี้ ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวต้องไม่หยุดนิ่ง และควรปรับตัวเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดย Spotlight ขอแนะนำกลยุทธ์สำคัญ ดังนี้

  • มุ่งเน้นคุณภาพและมาตรฐาน: ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าและบริการ ครอบคลุมทั้งที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆ โดยยึดหลักการสร้างประสบการณ์อันเป็นเลิศให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อปลูกฝังความประทับใจ กระตุ้นการบอกต่อ และเสริมสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี
  • สร้างสรรค์นวัตกรรม: พัฒนาและนำเสนอสินค้าและบริการที่โดดเด่น ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือการท่องเที่ยวแบบลักชัวรี โดยผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเอกลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อสร้างความแตกต่าง
  • บูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัล: ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ เช่น ระบบจองห้องพัก แพลตฟอร์มชำระเงิน ช่องทางการตลาดออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูล และระบบการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ยกระดับการบริการ และขยายฐานลูกค้า
  • เสริมสร้างเครือข่ายพันธมิตร: สร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการในท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน: ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อม
  • พัฒนาศักยภาพบุคลากร: ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผ่านการฝึกอบรม การเสริมสร้างทักษะ และการถ่ายทอดความรู้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการให้บริการ สร้างความพึงพอใจแก่นักท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
  • วิเคราะห์แนวโน้มและปรับตัว: ศึกษา วิเคราะห์ และติดตามแนวโน้มการท่องเที่ยว พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว และนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ด้วยศักยภาพของประเทศไทย ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการปรับตัวเชิงรุกของผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สร้างรายได้ และกระจายความเจริญสู่ชุมชน อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

อ้างอิง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

แชร์
10 จังหวัดทำเงินจากท่องเที่ยวไทยสูงสุด ปี 2567 (9 เดือนแรก)