ปัญหาหนี้สิน ถือเป็นปัญหาเรื้อรังที่กัดกร่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเผชิญกับความผันผวน และภัยคุกคามจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์โรคระบาด สงคราม หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลให้ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น สร้างความเดือดร้อน และบั่นทอนคุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องแบกรับภาระหนี้สิน จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีพ และการพัฒนาธุรกิจ
ล่าสุด สมาคมธนาคารไทยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน จึงได้ร่วมมือกันกำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างโอกาสให้ลูกหนี้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ มาตรการดังกล่าว นับเป็นความหวังและแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สำหรับลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงิน
สมาคมธนาคารไทยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการในการลดภาระการชำระหนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วน ส่งผลให้รายได้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนบางกลุ่มยังไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้ ปัญหาดังกล่าวซ้ำเติมด้วยภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานะทางการเงินของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ SME มีความเปราะบางมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องเผชิญกับภาระหนี้สินจำนวนมากจนเป็นอุปสรรคต่อการชำระหนี้
สมาคมธนาคารไทย กระทรวงการคลัง สศช. และธปท.จึงเห็นพ้องต้องกันถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อบรรเทาภาระทางการเงิน อันจะเป็นการช่วยประคับประคองสถานะทางการเงินของลูกหนี้ และสนับสนุนให้สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ หรือสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรายเล็กที่มีวงเงินสินเชื่อไม่สูง
หัวใจสำคัญของมาตรการนี้ คือ การปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยลดภาระการผ่อนชำระของลูกหนี้ในแต่ละงวดลงอย่างชัดเจน โดยลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการจะได้รับสิทธิพิเศษในการผ่อนชำระเฉพาะเงินต้น และพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดได้ครบถ้วนก็จะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยที่ถูกพักไว้ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นความช่วยเหลือที่ตรงจุดและเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังมุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้รักษาวินัยทางการเงิน ทั้งในช่วงที่เข้าร่วมมาตรการและหลังจากสิ้นสุดมาตรการแล้ว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามลูกหนี้ก่อหนี้เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้การลดภาระหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และเพื่อป้องกันมิให้เกิดพฤติกรรมจงใจผิดนัดชำระหนี้ เพื่อหวังผลประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ครั้งนี้ คือ การเป็นมาตรการชั่วคราว ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกหนี้ขนาดเล็กที่มีความตั้งใจจริงในการลดภาระหนี้สิน และมีศักยภาพที่จะกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติเมื่อสถานการณ์ทางการเงินดีขึ้น โดยมาตรการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาหนี้สินเชิงโครงสร้าง และเป็นการปูทางไปสู่มาตรการระยะยาวของภาครัฐ
ในอนาคตภาครัฐมีแผนที่จะส่งเสริมให้เกิดระบบข้อมูลที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงข้อมูลภาระหนี้ และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาหนี้สินเกินตัว และช่วยให้ลูกหนี้มีรายได้ขั้นต่ำที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ หรือมีโอกาสพัฒนาทักษะและความสามารถในการแข่งขัน สำหรับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายเล็ก
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในครั้งนี้ จะต้องเป็นลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อขนาดเล็กตามเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อแต่ละประเภท โดยต้องเป็นสัญญาเงินกู้ที่ทำขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 และเป็นสัญญาที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ตามเกณฑ์ที่กำหนด อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย เกณฑ์การเข้าร่วมมาตรการ และรายละเอียดของมาตรการ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสมาคมธนาคารไทย กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการให้ทราบต่อไป
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันผลักดันในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เรื้อรังในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบางเช่นนี้ การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก จึงไม่เพียงแต่เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้พวกเขาสามารถกลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
หัวใจสำคัญของมาตรการนี้อยู่ที่การปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดภาระทางการเงินของลูกหนี้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมวินัยทางการเงิน และการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกหนี้ เพื่อป้องกันการกลับไปเป็นหนี้อีกในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ การที่ภาครัฐมีแผนที่จะพัฒนาระบบข้อมูล เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงข้อมูลภาระหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ได้ ก็นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยป้องกันปัญหาหนี้สินเกินตัวส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ความสำเร็จของมาตรการนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาครัฐและสถาบันการเงินเพียงฝ่ายเดียว แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของลูกหนี้เองที่ต้องมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา และรักษาวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด รวมถึงภาคธุรกิจที่ต้องมีส่วนร่วมในการสร้างระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเชื่อมั่นว่า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน