ท่ามกลางบรรยากาศการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังเข้มข้น Bitcoin ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในโลกคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยการทะยานขึ้นทำลายสถิติราคาสูงสุดตลอดกาล (All-Time High)
ราคา Bitcoin พุ่งทะลุ $75,000 โดยแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ $75,011 ซึ่ได้ทำลายสถิติเดิมที่ $73,750.07 ที่เคยทำไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ตามข้อมูลจาก Coinmarketcap.com
ส่วนในประเทศไทย บนกระดานเทรด Bitkub Exchange ราคา Bitcoin ก็พุ่งแรงไม่แพ้กัน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ราคา Bitcoin แตะระดับ 2,509,999.95 บาท
หากมองย้อนกลับไปในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคา Bitcoin มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 9.18% โดยมีราคาสูงสุดอยู่ที่ 2,510,000 บาท และราคาต่ำสุดอยู่ที่ 2,294,734 บาท (อ้างอิงจาก https://www.bitkub.com/th/market/btc)
การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกที่กำลังจับตามองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีนัยสำคัญต่ออนาคตของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
ปี 2567 นี้ ถือเป็นปีที่ราคา Bitcoin สร้างสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time High) ถึงสองครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 8 เดือนก่อน โดยราคา Bitcoin พุ่งไปแตะระดับ 73,835 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในครั้งนั้นได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นกระแส Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ที่ทำให้เหรียญ Bitcoin มีจำนวนจำกัดมากขึ้น รวมถึงการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความน่าเชื่อถือในการลงทุน Bitcoin
อย่างไรก็ตาม การทำลายสถิติครั้งที่สองในรอบปีนี้ ดูเหมือนจะมีแรงขับเคลื่อนที่แตกต่างออกไป นอกจากปัจจัยเดิมอย่าง Bitcoin ETF ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 โดยในครั้งนี้ ผู้สมัครมีนโยบายที่สนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีอย่างชัดเจน ซึ่งสร้างความหวังและความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน จนเป็นผลให้ราคา Bitcoin พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งในรอบปี
ล่าสุด ข้อมูลจากเว็บไซต์ apnews.com ณ เวลา 10:48 น. ตามเวลาประเทศไทย วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เผยภาพแผนที่การนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แสดงผลคะแนนโดย Associated Press (AP) ระบุถึงคะแนนที่ทั้งสองผู้สมัครหลัก ได้แก่ คามาลา แฮร์ริส และโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยแฮร์ริสมีคะแนนเสียงเลือกตั้งรวม 113 เสียง คิดเป็น 46.3% ของคะแนนทั้งหมด ขณะที่ทรัมป์ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้ง 210 เสียง ซึ่งคิดเป็น 52.5% ของคะแนนเสียงทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้สมัครที่ต้องการชนะการเลือกตั้งจำเป็นต้องมีคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างน้อย 270 คะแนน
ทั่วโลกกำลังเฝ้าจับตารอผลการเลือกตั้งที่ใกล้จะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกัน นักลงทุนทั่วโลกก็กำลังให้ความสนใจกับทิศทางราคาบิตคอยน์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้