นายวงศกร กิตติตระกูลกาล เลขานุการบริษัท บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส(JMT) บริษัทลูกของ บมจ. เจ มาร์ท(JMART) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมติอนุมัติในหลักการการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ผ่านบริษัทลูก ซึ่งจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจร่วมกัน 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจให้บริการงานติดตามหนี้ (Debt Collection Business) และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Asset Management Business) โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้
1. ธุรกิจให้บริการงานติดตามหนี้ JMT ถือหุ้นน้อยกว่า 50% และบริษัทลูกของ KBANK ถือหุ้นมากกว่า 50%
2. ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ JMT ถือหุ้นน้อยกว่า 50% และบริษัทลูกของ KBANK ถือหุ้นมากกว่า 50%
สำหรับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าว อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแนวนโยบายการหารือและการได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานอื่น รวมถึงการเจรจาและเข้าทำสัญญาร่วมทุนกับบริษัทลูกของ KBANK ในภายหลัง โดย คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนทั้ง 2 บริษัทแล้วเสร็จภายใน ไตรมาส 1 ปี 2565
ทั้งนี้แนวโน้มหนี้ภาคครัวเรือนของไทยปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สูง โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า สถานการณ์หนี้สินครัวเรือนไตรมาส 2 ปี 2564 มีมูลค่ากว่า 14.24 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 89.3% ต่อจีดีพี ขณะที่สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพี ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านคุณภาพสินเชื่อยังต้องเฝ้าระวังหนี้บัตรเครดิตที่มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น