วันนี้ (8 ก.พ. 2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในพิธีลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง "ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ. 2565 ปลดกัญชาออกจากยาเสพติด" (ยกเว้นเพียงสารสกัดของกัญชาที่มีค่า THC เกิน 0.2% เท่านั้นที่ยังถือว่าเป็นสารเสพติดอยู่) ซึ่งเท่ากับเป็นการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดของประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง เพื่อปูทางสู่การเปิดเสรีกัญชาทางการแพทย์อย่างเต็มรูปแบบ
การปลดล็อกครั้งประวัติศาสตร์นี้ จะมีผลบังคับใช้อีก 120 วัน หลังจากมีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้พืชกัญชงกัญชาพ้นจากยาเสพติด และประชาชนจะสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาและกัญชงได้ ไม่ต่างจากพืชสมุนไพรอื่น ทั้งในด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจ รวมไปถึงเกิดการสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชน ภายใต้ พ.ร.บ.กัญชากัญชง
นายอนุทินกล่าวว่า การปลดล็อกกัญชา จะเน้นไปที่การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และการศึกษาวิจัย โดยในระหว่างช่องว่าง 120 วันนี้ ประชาชนสามารถรวมตัวกันในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน 7 คน ปลูกแล้วรวมตัวกันได้ แต่หากประกาศมีผลบังคับใช้แล้ว ประชาชนสามารถปลูกในครัวเรือนได้ไม่จำกัดว่าปลูกกี่ต้น ปลูกกี่ไร่ แต่ต้องไม่มีการเอาไปใช้เป็นยาเสพติด
“กฎหมายยาเสพติดยังมีโทษรุนแรงอยู่ สธ.พร้อมกำกับดูแลไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย เมื่อพ้น 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประชาชนก็สามารถปลูกได้ที่บ้าน โดยไม่จำกัดจำนวนต้น แต่จะต้องมีการจดแจ้ง ซึ่งเราจะมีการผลักดันให้สามารถจดแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่นได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทั้งนี้ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังเน้นย้ำในเรื่องการแพทย์เท่านั้น” นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ การใช้กัญชาและกัญชง ยังคงเน้นไปที่การใช้ประโยชน์ต่อกลุ่มประชาชน ทั้งด้านแพทย์ การศึกษา และการวิจัย รวมไปถึงอุตสาหกรรมการผลิต สิ่งของ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้กฎหมายที่กำหนด โดยมีกฎหมายเฉพาะไว้ควบคุมตั้งแต่การปลูก สกัด แปรรูป และวิจัย
สำหรับกรณีที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ที่ถูกตีกลับเข้าคณะรัฐมนตรีอีกครั้งนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบแล้วและสั่งการให้เร่งผลักดันร่างดังกล่าว ซึ่งการที่ประกาศกระทรวง ยส.5 ออกมาได้ ก็เพราะนายกฯ สั่งการให้เร่งดำเนินการให้ทุกฝ่ายหาข้อสรุป แล้วทำให้ประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติด สำเร็จให้ได้ ถือเป็นการเข้าใจและการสนับสนุนของผู้นำประเทศ
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เป้าหมายการสนับสนุนให้มีการเปิดเสรีกัญชาทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ และผลักดันการแพทย์แผนไทย รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพตนเอง และก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม จากการปลูก สกัด แปรรูปสินค้ากัญชากัญชง รวมไปถึงคุ้มครองประชาชนไม่ให้ใช้กัญชาในทางที่ผิด เมื่อทุกอย่างโปร่งใสชัดเจน จึงหวังว่าการแพทย์สาธารณสุขจะสามารถใช้ยาจากกัญชาได้