ปลายปีแบบนี้เข้าสู่ช่วงหยุดยาวของหลายๆ ประเทศกันแล้วนะครับ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ก็ประกาศไปหมดแล้ว ตลาดหุ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายแบบนี้ก็จะเริ่มนิ่งๆ เหมือนเช่นทุกปี
หากมองย้อนกลับไปในปี 2567 ในภาพรวมการลงทุนปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่ดีสำหรับตลาดหุ้นโดยส่วนใหญ่ หลายตลาดมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี และสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนีที่สร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดจะเป็นดัชนี NASDAQ ที่สามารถสร้างผลตอบแทน (YTD) ได้ถึง 31.67% ตามมาด้วยดัชนี S&P 500 25.25% ส่วนตลาดหุ้นจีนก็ไม่น้อยหน้า CSI 300 15.94% Hang Seng (HSI) 18.04% และตลาดหุ้นเวียดนาม VN Index (VNI) 11.12%
คุณอาจจะอยากถามผมกลับมาว่า แล้วปี 2568 ที่กำลังจะถึงนี้จะยังเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุนอยู่หรือไม่
ณ เวลานี้ หากจะให้มองภาพไกลไปถึงปีหน้า ผมว่าหลายๆ คนก็คงมองเห็นแล้วว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากคุณโจ ไบเดน เป็นคุณโดนัลด์ ทรัมป์ โดยจะมีพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่จะถึงนี้
และหากพิจารณานโยบายสำคัญต่างๆ ที่ทางคุณโดนัลด์ ทรัมป์ได้หาเสียงไว้ โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีศุลกากร หรือ Tariff จะส่งผลกระทบในการยกระดับความเข้มข้นของสงครามการค้าที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นไม่เฉพาะแค่ประเทศจีน แต่จะกระทบไปทั่วทั้งโลก! โดยเฉพาะประเทศที่ได้ดุลการค้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อการควบคุมเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในระยะยาว
ล่าสุดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รอบสุดท้าย (17-18 ธ.ค.) มีมติปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% เป็นไปตามตลาดคาด พร้อมกับส่งสัญญาณออกมาแล้วว่า ในปี 2568 อาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลกแน่นอนครับ
ลองข้ามฟากกันสักนิด หันไปมองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างประเทศจีน ก็พบว่าในปี 2568 จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจเช่นกัน นอกจากสงครามการค้าที่กำลังจะเข้มข้นขึ้นแล้ว ทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศเองก็มีหลากหลายปัจจัยที่ต้องติดตามดู โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องของการบริโภคภายในประเทศ และปัญหาในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ที่ทางการจีนเองยังแก้ไขได้ค่อนข้างล่าช้า
อย่างไรก็ตามการที่ผู้นำระดับสูงของจีนได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจมากขึ้น ผมเชื่อว่าประเทศจีนเองยังมีศักยภาพในการดำเนินนโยบายทั้งการเงิน และนโยบายการคลัง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือกับสงครามการค้า และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับการบริโภคภายในประเทศครับ ซึ่งมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ก็อาจจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นจีนอย่างมีนัยสำคัญได้ครับ
เห็นแบบนี้แล้วอย่าเพิ่งตกใจกลัวกันเลยครับ เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอนเป็นธรรมดาของโลก หากคุณนั่งไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปเมื่อปีปลายปีก่อน เราก็จะเห็นว่าในวันนั้น เราก็พูดถึงความผันผวนที่รออยู่ในอนาคตเช่นเดียวกัน เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จริงไหมครับ รู้แบบนี้แล้ว สิ่งที่เราควรเตรียมตัวให้พร้อม มีสติที่จะตั้งรับทุกสถานการณ์
วันนี้ผมมีคาถาเด็ดคุ้มครองพอร์ต ที่หากคุณตั้งมั่นบน 3 คาถานี้ได้ มันจะช่วยป้องกันภยันตรายที่จะเกิดขึ้นในโลกการเงินได้แน่นอนครับ
แต่อย่าเพิ่งหลอนไปนะครับ คาถาที่ว่าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วนั่นก็คือ Mindset หรือแนวคิดการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับการรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ของปี 2568 และสำหรับปีถัดๆ ไปนั่นเองครับ การมีสิ่งยึดเหนียว ไม่ว่าจะเรียกว่าคาถาหรือ Mindset ก็ล้วนแต่มีไว้เพื่อให้คุณได้มีสติตั้งมั่นบนหลักการที่ถูกต้อง ไม่ถูกคลื่นอารมณ์หวาดกลัวซัดสาดจนพอร์ตพังไปเสียก่อนนั่นเอง
คาถาสำคัญๆ ที่ผมอยากพูดถึงมีอยู่ 3 แนวคิดด้วยกันครับ
เพราะเราต้องการความมั่งคั่งที่ยั่งยืน จริงไหมครับ เราล้วนอยากเห็นพอร์ตเติบโต แต่ข้อเท็จจริงอย่างนึงคือเราอยู่ในระบบทุนนิยม ซึ่งธรรมชาติของระบบทุนนิยมนั้น ย่อมต้องการเห็นการลงทุนที่เติบโตตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นหากเราเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพที่ดี ในราคาที่เหมาะสม ระยะยาวแล้ว ความมั่งคั่งจากการลงทุนมักจะสูงกว่าจุดเริ่มต้นเสมอ
แต่ทว่าในความเป็นจริงนั้น เส้นทางระหว่างการลงทุน ย่อมมีความผันผวนของราคาที่เหวี่ยงขึ้นลงอยู่เสมอเช่นกัน ดังนั้นหากเราโฟกัสที่เป้าหมายการลงทุนระยะยาว และสามารถที่จะมองข้ามความผันผวนในระยะสั้นได้ เราก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด และรับมือกับความผันผวนในระยะสั้นได้
ในการลงทุนมักมีปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของนักลงทุน เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวน โดยเฉพาะในระยะสั้น การรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวสามารถทำได้โดยการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในทุกสถานการณ์ ขณะเดียวกัน ควรให้ความสำคัญกับการทบทวนและปรับพอร์ตอยู่เสมอ
หนึ่งเคล็ดลับที่ผมมักจะแนะนำอยู่เสมอเพื่อให้พอร์ตความสมดุลมากขึ้นก็คือการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ที่เป็นตัวช่วยรับมือกับความผันผวนในระยะสั้น และยังคงมีการเติบโตในระยะกลางและระยะยาวได้ด้วย เช่น การจัดสัดส่วนของพอร์ตหลัก (Core Port) ด้วย สินทรัพย์หลักอย่างหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลก ที่มีความเสี่ยงต่ำหรือปานกลาง สัก 70% ของพอร์ต และลงทุนในส่วนของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นพร้อมสร้างผลตอบแทนสูงกว่า (Satellite Port) เช่นหุ้น Growth ในสัดส่วน 30% เพื่อเป็นสร้างการเติบโตให้กับพอร์ตโฟลิโออย่างมั่นคงและสมดุลได้ในระยะยาวครับ
จริงๆ แล้ว ข้อนี้ไม่ได้จำกัดในเรื่องของการลงทุนเท่านั้นนะครับ เพราะการพัฒนาตนเองเป็นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรให้ความสำคัญอยู่เสมอ ในทุกๆ ด้านของชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนนั้น หากเรามีการศึกษาและพัฒนาความรู้เรื่องการเงินการลงทุนอยู่เสมอ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อเกิดความผันผวนในระยะสั้น การที่คุณมีความรู้ที่ลึกซึ้งมากขึ้น คุณจะยิ่งสามารถมองเห็นภาพรวมระยะยาวได้ สามารถมองเห็นโอกาสที่เกิดขึ้นท่ามกลางความผันผวน และยังช่วยลดความกังวล ทำให้การตัดสินใจของคุณในแต่ละสถานการณ์เป็นไปได้อย่างมีเหตุมีผลมากขึ้น พร้อมรับมือได้ในทุกๆ สภาวะตลาดแน่นอนครับ
อย่าลืมนะครับ ปัจจัยที่เราทุกคนมองเห็นแล้วในเวลานี้ว่าจะสร้างความผันผวนในโลกลงทุนปีหน้าได้อย่างไรบ้าง แต่ในความเป็นจริง ยังมีปัจจัยอีกมากที่เรายังมองไม่เห็น และไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ชัดเจน ใครที่อยู่ในตลาดหุ้นมานานย่อมเห็นเหมือนกับที่ผมเห็นว่า ในแต่ละปีมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นและเข้ามากระทบการลงทุนได้ตลอดเวลา
ดังนั้นแล้ว ในปี 2568 ไม่ว่าตลาดจะใจดีกับเราหรือไม่ แต่การมีคาถาหรือหลักการลงทุนที่ถูกต้องจะเป็นหลักยึดเหนี่ยวให้เรายามที่เจอสิ่งที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะแรงมากหรือแรงน้อยแค่ไหนก็จะสามารถฝ่าฟันทุกกระแสคลื่นที่เชี่ยวกรากได้
สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าเพื่อนๆ นักลงทุนทุกคนจะ มีสติตั้งมั่นบนหลักการลงทุนระยะยาว สามารถฝ่าฟันทุกๆ ความไม่แน่นอนของตลาดไปได้ และมีพอร์ตที่แข็งแรงตลอดปี 2568 และตลอดไปมีความสุขทุกเส้นทางการลงทุนนะครับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด