เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแรงกว่าที่าคาดแตะ 7.5% สูงสุดในรอบ 40 ปี ยิ่งกดดันให้เฟดอาจต้องใช้ยาแรงกว่าที่คิด จับตาประชุมเฟด 15-16 มี.ค. นี้ เป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 0.5% หรือไม่
เมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ก.พ. 2565) กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือดัชนีเงินเฟ้อเดือน ม.ค. อยู่ที่ 7.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 7% ในเดือนก่อนหน้า และยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 7.3% โดยนับเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี
หากไม่รวมสินค้าในกลุ่มน้ำมันและอาหาร ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานก็ยังถือว่าปรับตัวแรงอยู่ดี โดยเพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปีเช่นกัน ทำให้ทุกฝ่ายพุ่งเป้าไปที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะดำเนินมาตรการอย่างไรเพื่อรีบจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ เฟดจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) หรือ กนง. ในวันที่ 15 - 16 มี.ค. นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ตรงกันว่า เฟดจะเริ่มการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยส่งสัญญาณว่าอาจจะขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งก็เป็นเพราะสถานการณ์เงินเฟ้อสหรัฐรุนแรงกว่าที่คาดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายฝ่ายยังเห็นไม่ตรงกันในขณะนี้ก็คือ เฟดจะใช้ยาแรงขนาดไหน หรือจะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเท่าไร
ตามธรรมเนียมปกติแล้ว เฟดจะใชว้วิธีทยอยขึ้นดอกเบี้ยโดยขึ้นครั้งละประมาณ 0.25% เพราะการขึ้นดอกเบี้ยนั้นหมายถึงข่าวร้ายที่ดอกเบี้ยเช่าซื้อบ้าน รถ บัตรเครดิต หนี้กยศ. และต้นทุนการเงินของธุรกิจต่างๆ จะปรับตัวสูงขึ้นทันที
อย่างไรก็ตาม CNN Money รายงานอ้างความเห็นของตลาดโดย CME Group ว่า ตอนนี้นักลงทุนถึง 99% เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่มีนักลงทุนเชื่อเพียง 24% เท่านั้น
ขณะที่เจมส์ บุลลาร์ด ผู้ว่าการเฟดมลรัฐเซนต์หลุยส์ ให้ความเห็นกับสำนักข่าว Bloomberg ว่า ตนเองมีมุมมองสายเหยี่ยวมากขึ้นกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเชื่อว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมเป็น 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค. นี้
ทั้งนี้ ปัญหาเงินเฟ้อเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ฉุดให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลดลงต่ำสุดเมื่อเทียบกับผู้นำหลายคนก่อนหน้านี้ โดยโพลล์ของ CBS News/YouGov ซึ่งสำรวจความเห็นชาวอเมริกันเนื่องในโอกาสที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐครบรอบ 1 ปี ระบุว่า เสียงส่วนใหญ่ "มากกว่าครึ่ง" คิดว่ารัฐบาลไบเดนไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมากเพียงพอ และอีก 50% รู้สึก "สิ้นหวัง" กับผลงานของรัฐบาล
ตัวงเลขเงินเฟ้อล่าสุด ยังฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ ลบไป 526.47 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 35,241.59 จุด ขณะที่ดัชงนีเอสแอนด์พี 500 ลบ 1.81% ปิดที่ 4,504.08 จุด และดัชนีแนสแด็ค คอมโพสิต ลบ 2.1% ปิดที่ 14,185.64 จุด นอกจากนี้ ยังฉุดให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีร่วงตามด้วยทั้งกระดาน