ราคาน้ำมันสหรัฐปิดต่ำกว่า 100 ดอลลาร์แล้ว รวมราคาปิด 2 วัน ลดลงไปกว่า 7% หลังกังวลผลกระทบล็อกดาวน์จีนยาวกว่าที่คาด และดอลลาร์แข็งค่าหนัก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดตลาดวันที่ 10 พ.ค. ร่วงหลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์แล้ว โดยสัญญางวดส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงลง 3.33 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 99.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือน ก.ค. ร่วงลง 3.48 ดอลลาร์ หรือ 3.28% ปิดที่ 102.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 2565 และเป็นการลดลงต่อเนื่องสองวันติดกัน หลังจากราคาลงไปกว่า 4% ในวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การที่จีนสั่งล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเวลานานและยังคงล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนในกรุงปักกิ่ง จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ในฐานะที่จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลเรื่องความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วย
ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ยังคงใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) ซึ่งการเดินหน้าใช้นโยบายดังกล่าวกำลังทำให้จีนถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นจากประชาคมโลก ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมและอนุญาตให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ 103.9200 เมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงราว 500,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้าวันนี้ (11 พ.ค.) ราคาน้ำมัน WTI ได้ดีดตัวกลับขึ้นมาแล้วเล็กน้อย โดยบวกไป 1.76% ขึ้นไปอยู่ที่ 101.54 ดอลลาร์/บาร์เรลระหว่างการซื้อขาย เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นไปอยู่ที่ 104.34 ดอลลาร์/บาร์เรล