คาดราคาน้ำมันปาล์มร่วงต่อเนื่อง หลังผู้ส่งออกเบอร์ 1 "อินโดนีเซีย" ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม เริ่ม 23 พ.ค.นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนิเซีย ได้ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มแล้ว โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 พ.ค. เป็นต้นไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปรุงอาหารภายในประเทศ จนทำให้ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และทำให้รัฐบาลต้องออกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีวิโดโด กล่าวว่า การยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มในครั้งนี้ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในประเทศที่มีอยู่ทั้งหมด 17 ล้านคน แม้ว่าราคาน้ำมันสำหรับปรุงอาหารจะยังไม่ลดลงถึงระดับเป้าหมายที่ 14,000 รูเปียห์/ลิตร ก็ตาม
ด้านสมาคมน้ำมันปาล์มและเกษตรกรชาวสวนปาล์มของอินโดนีเซีย ต่างแสดงความพอใจต่อมาตรการล่าสุดของรัฐบาล โดยนายเอดดี้ มาร์โตโน เลขาธิการสมาคมน้ำมันปาล์มอินโดนีเซีย กล่าวว่า สมาคมพอใจกับคำสั่งของประธานาธิบดีวิโดโด เนื่องจากคลังเก็บน้ำมันปาล์มทุกแห่งของอินโดนีเซีย ได้บรรจุน้ำมันปาล์มจนเต็มความจุแล้ว ซึ่งสมาคมคาดหวังว่าเกษตรสวนปาล์มอินโดนีเซียจะได้กลับมาทำงานตามปกติอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
มาตรการล่าสุดของอินโดนีเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มฟิวเจอร์สตลาดงมาเลเซีย ลดลงมาอยู่ที่ 6,007 ริงกิต/ตัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันปาล์มอาจลดลงแตะระดับ 5,000 ริงกิต/ตัน ภายในเดือน ก.ค. - ส.ค.นี้
บริษัทวิจัยข้อมูลฟิตช์โซลูชั่น ระบุว่า ราคาน้ำมันปาล์ม "ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว" และคาดว่าราคาจะเริ่มกลับมาลดลงอย่างมีเสถียรภาพภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ หลังจากที่อินโดนีเซียตัดสินใจยุติการห้ามส่งออก
นอกจากนี้ อีกส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะ "มาเลเซีย" ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ได้เร่งส่งออกเพื่อทดแทนในส่วนของอินโดนีเซียที่หายไป ทำให้การส่งออกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียเพิ่มขึ้นถึง 40% เป็นเกือบ 310,000 ตัน ในช่วงวันที่ 1- 10 พ.ค. ที่ผ่านมา