เตือนราคาน้ำมันแพงแน่ฤดูหนาวนี้ ยุโรปเสี่ยงขาดแคลนพลังงาน

แม้ในช่วงหลังราคาน้ำมันในบ้านเราจะมีการปรับลดลงมาได้บ้าง แต่สถานการณ์ราคาน้ำมันแพงยังวางใจไม่ได้ โดยเฉพาะปลายปีช่วงฤดูหนาวในยุโรปที่กำลังจะมาถึง มีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้น บวกกับสถานการณ์สงครามรัสเซีย ยูเครน ยังไม่จบอาจทำให้ราคาน้ำมันกลับมาแตะ 120 ดอลลาร์สหรัฐได้อีกครั้ งในมุองมองของโกลด์แมนแซคส์ 

ฝรั่งเศสเสี่ยงไฟฟ้าดับ เตรียมปิดไฟหอไอเฟลเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง

ตัวอย่างของฝรั่งเศส ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยุโรป กำลังจะประกาศปิดไฟหอไอเฟลเร็วขึ้นกว่าปกติ 1 ชั่วโมง เพื่อประหยัดพลังงาน รวมถึงกำลังพิจารณาลดจำนวนขบวนรถไฟที่ให้บริการประชาชนลงอีกด้วย สะท้อนวิกฤติพลังงานในยุโรปกำลังหนักและมันจะส่งผลต่อประเทศอื่นๆในด้วย

ข้อมูลของบริษัท SETE ผู้ดูแลหอไอเฟล มีกำหนดแถลงในวันอังคาร ว่าจะมีการปิดไฟตอนเวลา 23.45 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) จากเดิมปิดไฟ 01.00  ซึ่งฌอง ฟรังซัวส์ มาร์ตินส์ ประธาน SETE ระบุในถ้อยแถลงว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า เราเพิ่มความตระหนักและความจำเป็นต้องประหยัดพลังงาน

นอกจากการเตรียมปิดไฟหอไอเฟลเร็วขึ้นแล้วสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกำลังเตรียมการรับมือในกรณีที่ต้องจำกัดการให้บริการขนส่งทางรถไฟ เพราะปัญหาการขาดแคลนพลังงาน  หนังสือพิมพ์ daily Le Parisien ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลออกคำสั่งให้ SNCF บริษัททางรถไฟแห่งชาติของฝรั่งเศส  พิจารณาความเป็นไปได้ในการลดจำนวนขนวนรถไฟในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่อีกด้วย

SNCF นั้นมีขบวนรถไฟความเร็วสูงและขบวนรถไฟด่วนชานเมือง ซึ่งบริโภคพลังงานสัดส่วน 1-2% /ปี  ของการบริโภคไฟฟ้ารายปีของฝรั่งเศส มากกว่าการบริโภคไฟฟ้าของกรุงปารีสและเมืองมาร์กเซย์รวมกัน

ยุโรป , G7 ร่วมมือกำหนดเพดานราคาพลังงานรัสเซีย

สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกขณะนี้ความเสี่ยงหลักยังอยู่ที่สงครามรัสเซีย ยูเครน ที่ยังไม่จบและส่งผลให้ชาติตะวันตกพยายามคว่ำบาตรรัสเซียอย่างต่อเนื่อง  ยุโรปที่ประกาศตั้งแต่แรกว่าจะลดการนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย แต่เมื่อฤดูหนาวกำลังจะมาถึงกลายเป็นปัญหาที่อาจทำให้พลังงานในยุโรปขาดแคลน  โดยเฉพาะบริษัท ก๊าซพรอม บริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย ประกาศระงับการส่งก๊าซไปยังยุโรปผ่านท่อส่งนอร์ด สตรีม 1 อย่างไม่มีกำหนด ทำให้เกิดความกังวลว่าภาวะขาดแคลนพลังงานในยุโรปและราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 เห็นพ้องกันในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียในความพยายามที่จะบั่นทอนฐานะทางการคลังของรัสเซีย โดยมิให้นำรายได้ไปสนับสนุนการทำสงครามกับยูเครน มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค.2565 และจะบังคับใช้ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในวันที่ 5 ก.พ.2566

อย่างไรก็ดี G7 ยังไม่ได้กำหนดระดับราคาเพดานน้ำมันรัสเซีย แต่จะมีการหารือในรายละเอียดต่อไป โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

แผนกำหนดเพดานราคาน้ำมันที่กลุ่มประเทศ G7 เห็นพ้องต้องกันนั้นเรียกร้องให้ประเทศที่เข้าร่วมนโยบายปฏิเสธการให้บริการด้านประกันภัย การเงิน นายหน้า การเดินเรือ และบริการอื่น ๆ ให้กับสินค้าน้ำมันที่ราคาแพงกว่าเพดานราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน

เยเลนเตือนคนอเมริกัน ฤดูหนาวน้ำมันแพงแน่

ด้านนางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ชาวอเมริกันอาจต้องเผชิญกับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงฤดูหนาวนี้ เนื่องจากสหภาพยุโรป (EU) ลดปริมาณการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย พร้อมเสริมว่า ข้อเสนอกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียของชาติตะวันตกนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมราคา

"กรณีดังกล่าวถือเป็นความเสี่ยง แต่เรากำลังทำงานด้านการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน เพื่อแก้ไขปัญหานี้" นางเยลเลนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น นางเยลเลนกล่าวว่า ราคาน้ำมันอาจเพิ่มสูงขึ้น เพราะ EU "จะระงับการนำเข้าน้ำมันเกือบทั้งหมดจากรัสเซีย" และจะออกคำสั่งห้ามต่อบริการต่าง ๆ ที่ช่วยให้รัสเซียสามารถขนส่งน้ำมันทางเรือ

จับตาประชุม ครม.ช่วยค่าไฟ/ ลดภาษีดีเซล

ส่วนในประเทศไทย  นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน บอกว่า  ในวันพรุ่งนี้จะพิจารณามาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค. 65 และต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล โดยจะใช้งบกลางปี 2565 และปี 2566 ในการดำเนินการ

นอกจากนี้ยังเตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อออกมาตรการภาษีจูงใจประชาชนในการติดตั้งโซลาร์รูฟท๊อป ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในครัวเรือน

สำหรับเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วยในการอุดหนุน แล้วกว่า 120,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดภาษีสรรพสามิตเป็นการชั่วคราว ส่วนด้านราคาค่าไฟฟ้า ได้บริหารจัดหาเชื้อเพลิงอื่นที่มีต้นทุนถูกกว่าก๊าซมาผลิตไฟฟ้า ประคองค่า Ft ให้ปรับขึ้นไม่เกินกรอบที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยที่ผ่านมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระในเรื่องดังกล่าวแล้วประมาณ 80,000-100,000 ล้านบาท ซึ่งรวมแล้วรัฐบาลมีการอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิง และการดูแลค่าไฟฟ้า กว่า 200,000 กว่าล้านบาท เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและประชาชนน้อยที่สุด