นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
โดยภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐบาลในระยะปานกลางอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และจากประมาณการภายใต้แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2566-2569) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.64 คาดการณ์ว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ณ สิ้นปีงบประมาณ 2565 จะอยู่ที่ 62.69% ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่กำหนดให้สัดส่วนดังกล่าวต้องไม่เกิน 70%
นอกจากนี้ ภายใต้แผนการคลังระยะปานกลางดังกล่าวได้มีการประมาณการสถานะการคลังในระยะปานกลางในช่วงปีงบประมาณ 2566-2569 จากการประเมินการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐในภาวะที่รัฐบาลยังมีความจำเป็นต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คาดการณ์ว่า ระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP จะเพิ่มขึ้นจาก 64.02% ในปีงบประมาณ 2566 เป็น 67.15% ในปีงบประมาณ 2569 ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่กำหนดให้สัดส่วนดังกล่าวต้องไม่เกิน 70% เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะเป็นเครื่องชี้เศรษฐกิจแบบสะสมไม่ได้เกิดจากรัฐบาลปัจจุบันเพียงชุดเดียว และการเปรียบเทียบหนี้สาธารณะควรพิจารณาเทียบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เนื่องจากแต่ละประเทศมีขนาดเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีล่าสุด ณ เดือนส.ค.65 ที่มีสัดส่วน 60.72% แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลยังคงมีพื้นที่ทางการคลังเพิ่มเติมสำหรับรองรับมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้น และฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อีกประมาณ 10% ของจีดีพี (กรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐจะต้องไม่เกิน 70%)
อีกทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐบาลในระยะปานกลางอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้