ข่าวเศรษฐกิจ

เกษตรกรไทยเตรียมรับมือปรากฏการณ์'เอลนีโญ' คาดผลผลิตข้าวปี 66 ลดราว6.0%

17 พ.ค. 66
เกษตรกรไทยเตรียมรับมือปรากฏการณ์'เอลนีโญ' คาดผลผลิตข้าวปี 66 ลดราว6.0%

วันพืชมงคลของทุกปี ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ฤดูฝน และการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปีของเกษตรกรไทย และด้วยราคาข้าวในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง เป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงปลูกข้าวนาปี แม้ต้นทุนการผลิตสูงก็ตาม 

ทั้งนี้ ตลาดโลกมีความต้องการข้าวสูง เพื่อเตรียมรับมือกับวิกฤตความมั่นคง ด้านอาหาร  ที่จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ดันราคาธัญพืชโลกให้สูงขึ้น ประกอบกับมาตรการจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดีย ส่งผลให้สต็อกข้าวลดลง ประกอบกับสภาพอากาศที่เลวร้ายสร้างความเสียหายต่อผลผลิตข้าวในผู้ผลิตหลักและผู้บริโภครายใหญ่อย่างจีนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ

เมื่อความต้องการข้าวโลกสูง ขณะที่ไทยมีความพร้อมด้านผลผลิตมากกว่าคู่แข่ง จึงเป็นโอกาสของ ไทยในการส่งออกข้าวเพิ่มข้ึน หนุนราคาส่งออกข้าวไทย และส่งผลมายังราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ให้ยืนอยู่ในระดับสูง

สำหรับ 4 เดือนแรกของปี 2566 ราคาส่งออกข้าวไทยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16.3% และราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยในประเทศเพิ่มขึ้น 18.1% เป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงปลูกข้าวนาปีแม้จะต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตในระดับสูง ทั้งราคาปุ๋ยเคมี ยากำจัดแมลง และศัตรูพืช ราคาพลังงานและต้องเผชิญกับปริมาณน้ำฝนที่ลดลงในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก 

จากข้อมูลปริมาณน้ำฝน สะสมเฉลี่ยทั้งประเทศของไทยในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-14 พ.ค.2566 พบว่า ปริมาณน้ำฝนสะสมมีน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 57% และยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ 28%

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ไทยจะเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ซึ่งจะเป็น ความเสี่ยงที่ทำให้ผลผลิตข้าวนาปี อาจได้รับความเสียหายมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะในช่วงหลังการเพาะปลูกในเดือนพ.ค.ไปแลว้จะเป็นช่วงที่ต้นข้าวต้องการน้ำมากขึ้น เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตก่อนที่จะพร้อมเก็บเกี่ยว 

อย่างไรก็ตาม จึงต้องติดตามปริมาณน้าฝน และภาวะฝนทั้งวงในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ปริมาณฝนรวมของทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนปี 2566 จะน้อยกว่าปีก่อน และน้อยกว่าค่าเฉลี่ยราว 5% 

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากช่วงแรกของการเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญในปี 2566 จะไม่รุนแรงนัก รวมถึง ภาวะฝนทิ้งช่วงกินเวลาไม่นาน คาดว่าผลผลิตข้าวนาปีในปี 2566 อาจลดลงราว 4.1-6.0% หรือคิดเป็น 25.1-25.6 ล้านตัน

อย่างไรก็ตาม ผลผลิตข้าวนาปีส่วนใหญ่จะเป็นข้าวที่ปลูกนอกเขตชลประทาน เมื่อรวมกับผลผลิตข้าวนาปรังที่ราว 7.6 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จะทำให้ผลผลิตข้าวรวมของไทยในปี 2566 อาจอยู่ที่ราว 32.7-33.2 ล้านตัน หรือเฉลี่ยแล้วยังขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้คาดว่าจะเป็นปริมาณผลผลิตข้าวรวมที่ยังเพียงพอ สำหรับการบริโภคในประเทศ และการส่งออกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อ น 

หากเกิดภาวะแล้งจัด หรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้ผลผลิตข้าวนาปีเสียหายมากขึ้น และอาจกระทบต่อผลผลิตข้าวรวมทั้งประเทศให้ต่ำกว่ากรอบที่ประเมินไว้ 

นอกจากนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญ จะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้าต้นทุนในเขื่อนที่สะสมมาในช่วงปลายปี 2566 ให้ลดลง ที่จะใช้สำหรับปลูกข้าวนาปรังในปี 2567 ประกอบกับการคาดการณ์ว่าเอลนีโญน่าจะกิน ระยะเวลานาน จึงมีความเสี่ยงที่ทั้งผลผลิตข้าวนาปรังและนาปีของไทยในปี 2567 คงจะลดลง 

สำหรับแนวทางการรับมือและคงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน คือ การวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาครัฐคงต้องเตรียมตัวรับมือกับการจัดการน้ำ เพื่อการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งจัดหาแหล่งน้ำสำรอง จัดหาเครื่องมือ/เครื่องจักรในการสนับสนุนน้ำ เพื่อการเพาะปลูก เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถบรรทุกน้ำ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายต่อผลผลิตสินค้าเกษตร และยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของไทยในอนาคต

ขณะที่เกษตรกรต้องมีการปรับตัว เพื่อลดต้นทุนการผลิตด้วยการหันไปใช้ปุ๋ยอินทรียทดแทนปุ๋ยเคมีมากขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรบางส่วนไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อย่างเช่น มันสำปะหลัง และอ้อย ที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มราคาสูงตามตลาดโลกเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อให้เกษตรกรสามารถมีรายได้ทดแทน ท่ามกลางความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรที่มีมากขึ้นในระยะต่อไป 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT