ข่าวเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยวไทยฟื้น ครึ่งปีนทท.เข้าไทย 9.47 ล้านคน เงินสะพัด 3.91 แสนลบ.

21 พ.ค. 66
ท่องเที่ยวไทยฟื้น ครึ่งปีนทท.เข้าไทย 9.47 ล้านคน เงินสะพัด 3.91 แสนลบ.

ภาคการท่องเที่ยวฟื้นดีไม่หยุด ครึ่งปีแรก (ต้นปีถึงวันที่ 15 พ.ค.) พบนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้ว 9.47 ล้านคน สร้างรายได้ที่เกิดจากการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวแล้ว 3.91 แสนล้านบาท โดยส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออก (จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) เอเชียใต้ และอาเซียน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้สนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปรับปรุงการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคท่องเที่ยว รักษาแรงส่งการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่าง ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าปี 66 น่าจะเดินทางมาไทยได้ 5.3 ล้านคน หรือหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ก็อาจจะถึง 7 ล้านคน

โดยจากข้อมูลของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)  ในช่วง ต.ค. 65 - เม.ย.66 หรือ 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 มีเที่ยวบินจากจีนเข้ามาไทยแล้ว 12,805 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการที่จีนมีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ทำให้สายการบินจากประเทศจีนมีความต้องการเปิดทำการบินและเพิ่มความถี่ในการบินมากขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ บวท. คาดว่าเที่ยวบินจากประเทศจีนจะยังเพิ่มขึ้นอีก โดยคาดว่าเดือนพ.ค. จะมีเที่ยวบินจีน 5,330 เที่ยวบิน, มิ.ย. 6,090 เที่ยวบิน, ก.ค. 7,150 เที่ยวบิน, ส.ค. 7,460 เที่ยวบิน และก.ย. 7,340 เที่ยวบิน ส่งผลให้ตลอดปีงบประมาณ 66 (ต.ค.65 - ก.ย. 66) มีเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทย 46,175 เที่ยวบิน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า แม้ปริมาณเที่ยวจีนที่คาดการณ์ไว้นี้ยังคงน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด19 อยู่ 66% แต่หน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น วิทยุการบินฯ ก็ได้เตรียมการเพื่อรองรับ เพื่อให้ไม่เกิดความติดขัดต่อเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น โดยได้เข้าร่วมในคณะกรรมการจัดสรรตารางการบินร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พิจารณาจัดสรรตารางการบินให้สอดคล้องกับความสามารถในการรองรับ  และร่วมมืออันดีกับหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศของจีนเพื่อบริหารจัดการจราจรทางอากาศระหว่างทั้งสองประเทศมีสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทางด้านกระทรวงคมนาคมก็ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้ให้บริการภาคพื้นชั่วคราว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริการภาคพื้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่กำลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) อยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิให้ประกอบการให้บริการภาคพื้นในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายที่ 3 ให้เป็นไปตามแผนงาน จากปัจจุบันที่มีผู้ให้บริการภาคพื้นอยู่ 2 ราย เพื่อลดปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้าต่อไป

 

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT