ท่ามกลางสถานการณ์สงครามอิสราเอล ฮามาส ที่สร้างความเสี่ยงต่อราคาพลังงานโลกที่อาจปรับสูงขึ้น ประเทศไทยดูแลราคาพลังงานให้ประชาชนด้วยการปรับลดภาษีสรรพสามิตกลุ่มน้ำมันเบนซินทั้งระบบลดลง และอาจใช้เงินกองทุนน้ำมันดูแล เพื่อให้ราคาขายปลีกไม่สูงขึ้น
การประชุม ครม.31 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 และเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลงลิตรละ 1 บาท รวม 3 เดือน มีผล 7 พ.ย. 66
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เสนอเรื่อง การปรับลดราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแนวทาง ซึ่งจะต้องได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังในเรื่อง การปรับลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งแต่เดิมกระทรวงพลังงานได้เสนอแนวทางการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินแกสโซฮอล์ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเสนอว่าจะปรับลดราคาน้ำมันเบนซินแกสโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร แต่หลังจากที่ได้ไปทำงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับทราบจากกระทรวงการคลังว่า ภาษีสรรพสามิตไม่ได้แบ่งแยกสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 โดยเป็นอัตราเดียวกัน ถ้าลดราคาก็ต้องลดหมด ไม่ได้แยก
ซึ่งกระทรวงการคลังเห็นว่าไม่สามารถที่จะปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตลง 2.50 บาทต่อลิตรสำหรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทได้ จึงได้หาทางออกร่วมกัน ฉะนั้น จึงได้เสนอการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ทั้ง 91 และ 95 ลงในอัตรา 1 บาทต่อลิตรเท่ากัน
ซึ่งในส่วนของเบนซินแก๊สโซฮอล์91 ทางกระทรวงพลังงานโดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะไปบริหารจัดการเพิ่มอีก 1.50 บาทต่อลิตร ให้เป็น 2.50 บาทต่อลิตรตามที่ได้เสนอไว้ ฉะนั้นส่วนที่ได้เพิ่มเติมมาคือแก๊สโซฮอล์ 95 ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยกระทรวงการคลังเสนอว่า ให้กระทรวงพลังงานไปบริหารจัดการเรื่องกองทุนน้ำมันต่อไป ซึ่งตนจะรับไปดำเนินการในส่วนที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนได้มากที่สุด
“การลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เสนอวันนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป รวมเป็นเวลา 3 เดือน สำหรับการเริ่มลดราคาตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน เป็นต้นไปนั้น เพื่อให้ผู้ค้าน้ำมันได้มีเวลาในการปรับสต็อกน้ำมันด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของแกสโซฮอล์ 91 ที่กระทรวงพลังงานโดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องไปบริหารจัดการเพิ่มอีก 1.50 บาทต่อลิตร นั้นจะพยายามทำให้ทันวันที่ 7 พฤศจิกายน” นายพีระพันธุ์ กล่าว
สำหรับโครงสร้างราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ในปัจจุบันพบว่า
- น้ำมันเบนซิน 95 มีการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 6.50 บาท/ลิตร เก็บเงินเข้ากองทุน้ำมันอยู่ที่ 9.38 บาท/ลิตร ส่วนค่าการตลาดอยู่ที่ 3.31 บาท/ลิตร
- แก๊สโซฮอลล์ 95 มีการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 5.85 บาท/ลิตร เก็บเงินเข้ากองทุน้ำมันอยู่ที่ 2.80 บาท/ลิตร ส่วนค่าการตลาดอยู่ที่ 3.87 บาท/ลิตร
- แก๊สโซฮอลล์ 91 มีการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 5.85 บาท/ลิตร เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอยู่ที่ 2.80 บาท/ลิตร ส่วนค่าการตลาดอยู่ที่ 4.06 บาท/ลิตร
- E20 มีการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 5.20 บาท/ลิตร เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอยู่ที่ 0.81 บาท/ลิตร ส่วนค่าการตลาดอยู่ที่ 4.04 บาท/ลิตร
- E85 มีการเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 0.97 บาท/ลิตร เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอยู่ที่ 0.81 บาท/ลิตร ส่วนค่าการตลาดอยู่ที่ 4.24 บาท/ลิตร
ขณะที่สถานะเงินกองทุนน้ำมัน ล่าสุด ณ วันที่ 29 ต.ค.2566 ติดลบอยู่ทั้งสิ้น 74,292 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการติดลบ จากดูแลราคาน้ำมัน 28,938 ล้านบาท ติดลบจากการดูแลราคาก๊าซ LPG อีก 45,354 ล้านบาท