ข่าวเศรษฐกิจ

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

29 ต.ค. 67
ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

ข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจไทย! ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนกันยายน 2567 ขยายตัวเกินคาด หนุนการส่งออก 9 เดือนแรกโต 3.9% คาดการณ์บรรลุเป้าหมายทั้งปี สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย และศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการปรับตัวและคว้าโอกาสในตลาดโลก

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

กรุงเทพฯ – 28 ตุลาคม 2567 – นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนกันยายน 2567 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 25,983.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 889,074 ล้านบาท ขยายตัว 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหากไม่รวมสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกจะขยายตัวถึง 3.1% นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวในทุกหมวดสินค้า

"สินค้าเกษตรและอาหาร" เป็นกลุ่มที่โดดเด่น ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก เช่นเดียวกับ "สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า" ที่เติบโตตามวัฏจักร ประกอบกับสินค้าไทยมีคุณภาพและราคาที่สามารถแข่งขันได้ ขณะที่เศรษฐกิจในตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเริ่มฟื้นตัวจากภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้กำลังซื้อในตลาดเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าระวางเรือในเส้นทางการค้าสำคัญที่ปรับตัวลดลง ยังช่วยลดต้นทุนและเสริมศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาให้แก่ผู้ส่งออกไทย

นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 นับเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคการส่งออก โดยภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 3.9% และหากไม่รวมสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะขยายตัว 4.2% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ สนค. ได้ตั้งไว้ และคาดว่าแนวโน้มการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีจะยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี

มูลค่าการค้ารวม

ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ

  • เดือนกันยายน 2567: การส่งออก 25,983.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 1.1%) การนำเข้า 25,589.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 9.9%) ดุลการค้าเกินดุล 394.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • 9 เดือนแรกของปี 2567: การส่งออก 223,176.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 3.9%) การนำเข้า 229,132.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัว 5.5%) ดุลการค้าขาดดุล 5,956.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในรูปเงินบาท

  • เดือนกันยายน 2567: การส่งออก 889,074 ล้านบาท (หดตัว 0.8%) การนำเข้า 886,336 ล้านบาท (ขยายตัว 7.8%) ดุลการค้าเกินดุล 2,738 ล้านบาท
  • 9 เดือนแรกของปี 2567: การส่งออก 7,957,895 ล้านบาท (ขยายตัว 8.6%) การนำเข้า 8,264,589 ล้านบาท (ขยายตัว 10.2%) ดุลการค้าขาดดุล 306,694 ล้านบาท

ภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

ภาคการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยยังคงแสดงถึงศักยภาพ โดยมีมูลค่าการส่งออกขยายตัว 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยแยกเป็นสินค้าเกษตรขยายตัว 0.2% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 7.8%

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

สินค้าดาวเด่น ที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่

  • ข้าว: ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15.2% โดยเฉพาะในตลาดอิรัก สหรัฐอเมริกา เซเนกัล โตโก และฟิลิปปินส์
  • ยางพารา: ยังคงความร้อนแรง ขยายตัวต่อเนื่อง 11 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 47.4% ตลาดหลักที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้
  • อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป: ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 15.6% ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ซาอุดีอาระเบีย แคนาดา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • อาหารสัตว์เลี้ยง: ยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 21.5% โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อิตาลี มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
  • ไก่แปรรูป: ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 0.8% โดยเฉพาะในตลาดสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ไอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ และฝรั่งเศส
  • ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์: ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 27.4% โดยเฉพาะในตลาดอินเดีย มาเลเซีย เมียนมา เวียดนาม และจีน

อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าบางรายการที่หดตัว ได้แก่

  • ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง: หดตัว 20.9% หลังจากที่ขยายตัวในเดือนก่อนหน้า โดยหดตัวในตลาดจีน สหรัฐอเมริกา เวียดนาม มาเลเซีย และฮ่องกง แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมียนมา และออสเตรเลีย
  • ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง: หดตัวต่อเนื่อง 11 เดือน โดยมีอัตราการหดตัว 29.2% โดยหดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ และสิงคโปร์
  • น้ำตาลทราย: หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน โดยมีอัตราการหดตัว 10.4% โดยหดตัวในตลาดเวียดนาม ลาว ไต้หวัน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และญี่ปุ่น
  • ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง: หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยมีอัตราการหดตัว 3.0% โดยหดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง และเมียนมา แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร
  • ผักกระป๋องและผักแปรรูป: หดตัวต่อเนื่อง 8 เดือน โดยมีอัตราการหดตัว 6.4% โดยหดตัวในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย และไต้หวัน แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์

โดยภาพรวม การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 5.4% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรไทย รวมถึงการขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก

 

แนวโน้มการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวน แต่ภาคการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทยยังคงแสดงสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการส่งออกขยายตัว 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย

สินค้าที่ยังคงเป็นกำลังสำคัญ ในการขับเคลื่อนการส่งออก ได้แก่

  • เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ: ยังคงเป็นดาวเด่น ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 25.5% โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และญี่ปุ่น
  • ผลิตภัณฑ์ยาง: ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 15.7% โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
  • เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ: ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 8.7% โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น อินเดีย และฟิลิปปินส์
  • เคมีภัณฑ์: ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 4.4% โดยเฉพาะในตลาดจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา
  • เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ: ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยมีอัตราการเติบโต 22.5% โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย และอินเดีย

ในขณะเดียวกัน สินค้าบางรายการยังคงเผชิญกับความท้าทาย โดยมีอัตราการส่งออกหดตัว ได้แก่

  • รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ: หดตัว 9.9% หลังจากที่ขยายตัวในเดือนก่อนหน้า โดยหดตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และซาอุดีอาระเบีย แต่ขยายตัวในตลาดเวียดนาม สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ และอาร์เจนตินา
  • อัญมณีและเครื่องประดับ: หดตัว 6.5% หลังจากที่ขยายตัวต่อเนื่องมา 5 เดือน โดยหดตัวในตลาดฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ อินเดีย สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เยอรมนี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • เม็ดพลาสติก: หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยมีอัตราการหดตัว 5.2% โดยหดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เมียนมา เกาหลีใต้ และกัมพูชา แต่ขยายตัวในตลาดอินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย
  • เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์: หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน โดยมีอัตราการหดตัว 7.6% โดยหดตัวในตลาดสหรัฐอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเมียนมา แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม และลาว
  • เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ: หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน โดยมีอัตราการหดตัว 20.6% โดยหดตัวในตลาดแอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย และสหรัฐอเมริกา แต่ขยายตัวในตลาดอาร์เจนตินา กัมพูชา ฟิลิปปินส์ จีน และบราซิล

โดยภาพรวม การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 3.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของผู้ประกอบการไทยในการปรับตัวและแสวงหาโอกาสในตลาดโลก แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ก็ตาม

ทิศทางการส่งออกไทยในตลาดโลก

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

การส่งออกของไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในหลายตลาดสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ซึ่งความต้องการสินค้าไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่คลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม บางตลาดยังคงเผชิญกับความท้าทาย โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.ตลาดหลัก

  • สหรัฐอเมริกา: ยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักที่สำคัญของไทย โดยมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 18.1% นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน สินค้าส่งออกที่โดดเด่น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ขณะที่สินค้าบางรายการ เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ มีอัตราการส่งออกหดตัว โดยภาพรวมการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 12.5%
  • จีน: แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว แต่ไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในจีนไว้ได้ โดยการส่งออกในเดือนกันยายนหดตัว 7.8% นับเป็นการหดตัวในรอบ 3 เดือน สินค้าส่งออกที่หดตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวเพียง 0.03%
  • ญี่ปุ่น: การส่งออกไปยังญี่ปุ่นยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 โดยมีอัตราการหดตัว 5.5% สินค้าส่งออกที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และยางพารา เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังญี่ปุ่นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 หดตัว 7.3%
  • สหภาพยุโรป (27): การส่งออกไปยังสหภาพยุโรปขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยมีอัตราการขยายตัว 4.1% สินค้าส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่หดตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 8.0%
  • อาเซียน (5): การส่งออกไปยังอาเซียนหดตัว 6.7% นับเป็นการหดตัวในรอบ 3 เดือน สินค้าส่งออกที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังอาเซียนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 หดตัว 0.3%
  • CLMV: การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ยังคงขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 โดยมีอัตราการขยายตัว 8.3% สินค้าส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่หดตัว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องดื่ม และเม็ดพลาสติก เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 9.1%

2. ตลาดรอง

  • เอเชียใต้: การส่งออกไปยังเอเชียใต้หดตัว 1.6% นับเป็นการหดตัวในรอบ 6 เดือน โดยมีสินค้าส่งออกที่หดตัว เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่ขยายตัว เช่น เคมีภัณฑ์ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังเอเชียใต้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 9.1%
  • ทวีปออสเตรเลีย: การส่งออกไปยังทวีปออสเตรเลียกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 5 เดือน โดยมีอัตราการขยายตัว 12.0% สินค้าส่งออกที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่หดตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังทวีปออสเตรเลียในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 6.5%
  • ตะวันออกกลาง: การส่งออกไปยังตะวันออกกลางขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีอัตราการขยายตัว 3.5% สินค้าส่งออกที่ขยายตัว เช่น ข้าว เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังตะวันออกกลางในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 3.3%
  • แอฟริกา: การส่งออกไปยังแอฟริกาขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีอัตราการขยายตัว 1.6% สินค้าส่งออกที่ขยายตัว เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์ยาง และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังแอฟริกาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 หดตัว 1.3%
  • ลาตินอเมริกา: การส่งออกไปยังลาตินอเมริกาขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมีอัตราการขยายตัว 15.0% สินค้าส่งออกที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องยนต์สันดาป เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังลาตินอเมริกาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 11.8%
  • รัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS: การส่งออกไปยังรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS หดตัว 9.8% นับเป็นการหดตัวในรอบ 3 เดือน สินค้าส่งออกที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่ขยายตัว เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสิ่งปรุงรสอาหาร เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว 6.2%
  • สหราชอาณาจักร: การส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 29.3% สินค้าส่งออกที่ขยายตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกที่หดตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น โดยภาพรวมการส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 หดตัว 5.8%

3. ตลาดอื่นๆ

  • การส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ขยายตัว 39.3% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสินค้าไทยในการเจาะตลาดใหม่ๆ

แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในบางตลาด แต่โดยภาพรวมการส่งออกของไทยยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน นอกจากนี้ การขยายตัวในตลาดใหม่ๆ ยังเป็นโอกาสสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทยในระยะยาว

ความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการส่งออก และภาพรวมการส่งออกในอนาคต

กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าส่งเสริมการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้ดำเนินกิจกรรมที่สำคัญ อาทิ

  1. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับเกาหลีใต้: ในการประชุมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (EPA) ไทย – เกาหลีใต้ ครั้งที่ 2 ณ กรุงโซล กระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันให้เกาหลีใต้เปิดตลาดสินค้าเกษตรคุณภาพสูงของไทย เช่น มะม่วง มังคุด สับปะรด กุ้งสดและแปรรูป เนื้อไก่สดและแปรรูป เป็นต้น รวมถึงผลักดัน Soft Power ผ่านการมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้แก่ร้านอาหารไทย 4 แห่งในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนของไทยในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ความต้องการของเกาหลีใต้ในปัจจุบัน
  2. กระชับความร่วมมือทางการค้ากับจีน: กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับจีนเพื่อขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยขอให้จีนนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดดุลการค้า รวมถึงขอให้จีนปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจสอบสินค้าของไทย และสนับสนุนให้จีนเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) นอกจากนี้ ยังได้ผลักดันให้สินค้าไทยเข้าถึงแพลตฟอร์ม e-Commerce ของจีนมากขึ้น เพื่อขยายโอกาสทางการตลาด
  3. จัดงาน International Live Commerce Expo 2024: เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน KOLs ชาวจีน ชาวไทย และอินฟลูเอนเซอร์ กว่า 100 คน นำสินค้าไทยมาไลฟ์ขาย ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม เช่น สินค้าเกษตร สินค้าความสวยความงาม อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
  4. ส่งเสริมการค้าและการลงทุนกับสหราชอาณาจักร: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยและรัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (ETP) และรับรองแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุม 20 สาขา เช่น เกษตร อาหาร ดิจิทัล การศึกษา และการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการเจรจา FTA ระหว่างกันในอนาคต

แนวโน้มการส่งออกในปี 2567

ส่งออกไทย ก.ย. 67 พุ่ง ทะลุ 8.8 แสนล้านบาท หนุนส่งออก 9 เดือนโต 3.9%

กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า การส่งออกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 จะยังคงเติบโต แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การแข็งค่าของเงินบาท ปัญหาอุทกภัย และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งออกข้าวของอินเดีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญ เช่น แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารไทยที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล และแนวโน้มการลดลงของอัตราค่าระวางเรือ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์

ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ กระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และสินค้าไทยจะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

advertisement

SPOTLIGHT