ล่าสุด การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.66 ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.67 ให้แก่ประชาชน
โดยกระทรวงการคลังเสนอต่ออายุมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ในการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน และค่าจดจำนอง ลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย สำหรับบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ออกไปอีก 1 ปีจากเดิมที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.66 ไปเป็นหมดอายุวันที่ 31 ธ.ค.67 ส่งผลให้อัตราค่าธรรมเนียมอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทจะมีอัตราค่าธรรมเนียมดังนี้
เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 67
โดยการอนุมัติมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และคาดว่ามาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะสามารถดัน GDP โตเพิ่มขึ้น 0.5% จากการคาดการณ์ GDP ปี 2567 ที่จะขยายตัวอยู่ที่ 3.2%
อีกทั้ง นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ยังได้กล่าวเสริม ถึงแม้ว่ากระทรวงการคลัง อาจสูญเสียรายได้จากการลดลดภาษีดังกล่าวเกือบ 5,000 ล้านบาท แต่ทว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากภาคอสังหาฯ เป็นหนึ่งในฟันเฟื่องหลักที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในภาพใหญ่ เช่น การจ้างงาน การก่อสร้าง หรือการขนส่ง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนเกณฑ์การดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย LTV โดยอยากให้ประชาชนสามารถกู้ได้ 100% ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังที่เท่าไหร่ หรือราคาเท่าไหร่หลังจากที่ ธปท.ได้เข้มงวดเกณฑ์ดังกล่าว ด้วยการกลับมาใช้ เกณฑ์ LTV แบบเดิม