บริษัทประกันภัยอาจต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์จากเหตุสะพาน Francis Scott Key Bridge ในบัลติมอร์พังถล่มเมื่อวันอังคาร นักวิเคราะห์จาก Barclays Plc กล่าวว่าบริษัทประกันในตลาด Lloyd's of London จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
เรือชนสะพานบัลติมอร์ถล่ม! บริษัทประกันภัย ต้องจ่าย 3 พันล้านดอลลาร์
จากรายงานของทาง bloomberg ระบุว่า มีการประเมินว่าการเรียกร้องเงินประกันสำหรับความเสียหายที่เกิดกับสะพานแต่เพียงอย่างเดียวอาจพุ่งสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ และยังมีความรับผิดชอบเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นอีก 350 ถึง 700 ล้านดอลลาร์สำหรับการเสียชีวิตโดยมิชอบ และความเสียหายทางธุรกิจในระหว่างที่การเข้าถึงท่าเรือของเมืองถูกปิดกั้น
“ถึงแม้จะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุของเหตุการณ์นี้ เราเชื่อว่ามันจะกลายเป็นการเรียกร้องประกันที่มีมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะในตลาดการประกันภัยทางทะเล” Ivan Bokhmat และทีมนักวิเคราะห์กล่าว
สะพานพังถล่มเมื่อวันอังคารหลังจากถูกชนโดยเรือคอนเทนเนอร์ Dali ที่ติดธงสิงคโปร์ ทำให้รถยนต์ตกลงไปในน้ำ และก่อความโกลาหลในท่าเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งบนชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
นักวิเคราะห์จาก Barclays กล่าวว่าความเสี่ยงในการประกันจะกระจายไปตามบริษัทต่างๆ เนื่องจากเป็นการร่วมรับประกัน โดยมี AXA XL เป็นผู้นำหลักทรัพย์ บริษัทประกันภัยต่อทางทะเลรายใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ Hannover Re, Swiss Re AG, Munich Re และ RenaissanceRe การที่ตลาด Lloyd's of London เข้ามาเกี่ยวข้องอาจทำให้บริษัทประกันภัยต่อขนาดเล็กในตลาดลอนดอนต้องรับความเสี่ยงมากขึ้นตามไปด้วย
ขั้นตอนการฟื้นฟู สะพานบัลติมอร์
จากรายงานของทาง CNN รายงานว่า แม้ขั้นตอนการสร้างสะพานใหม่จะกินเวลานานหลายปี (ทางเจ้าหน้าที่อธิบายว่าเป็น "งานระยะยาว" และยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัด) แต่การเก็บกู้ซากปรักหักพังน่าจะถูกจัดลำดับความสำคัญและเสร็จสิ้นได้ไวกว่ามาก
ภาพรวมแล้ว ท่าเรือบัลติมอร์จัดเป็นท่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับเก้าของสหรัฐอเมริกา มีปริมาณการขนส่งสูงถึง 52.3 ล้านตัน มูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามข้อมูลของรัฐบาลรัฐแมริแลนด์ ท่าเรือนี้สร้างงานโดยตรงกว่า 15,330 ตำแหน่ง และอีกประมาณ 139,180 ตำแหน่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
บัลติมอร์ยังเป็นท่าเรือผู้นำในการขนส่งเครื่องจักรเกษตรกรรมและเครื่องจักรก่อสร้างของสหรัฐฯ รวมถึงการนำเข้าน้ำตาลและยิปซั่ม และยังเป็นที่สองของประเทศในด้านการส่งออกถ่านหิน
“แม้บัลติมอร์จะไม่ใช่ท่าเรือฝั่งตะวันออกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่ก็ยังคงมีการนำเข้าและส่งออกสินค้ามากกว่าหนึ่งล้านตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี ดังนั้นเหตุการณ์นี้อาจมีผลกระทบรุนแรงต่อระบบโลจิสติกส์” Emily Stausbøll นักวิเคราะห์ตลาดของ Xeneta บริษัทวิเคราะห์การขนส่งสัญชาตินอร์เวย์กล่าว
หนึ่งในโรงงานสำคัญที่ตั้งอยู่ริมท่าเรือบัลติมอร์คือ โรงกลั่นน้ำตาล Domino โรงงานเก่าแก่มีอายุ 115 ปี ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำตาลอ้อยที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก สัญลักษณ์ของ Domino Sugar ยังเป็นจุดสังเกตที่โด่งดังของเมืองบัลติมอร์อีกด้วย
โรงกลั่นแห่งนี้นำน้ำตาลดิบที่นำเข้าทางเรือมาผ่านกระบวนการกลั่นเป็นผลิตภัณฑ์น้ำตาลหลากชนิด เจ้าหน้าที่บริษัทไม่ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลดิบที่โรงงานมีอยู่ หรือแผนการดำเนินงานระหว่างที่ท่าเรือปิดตัวลง
ผลเสียต่อธุรกิจที่พึ่งพาท่าเรือบัลติมอร์
Carnival Corp. รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกเมื่อวันพุธ โดยประเมินว่าการปิดท่าเรือชั่วคราวอาจส่งผลต่อกำไรทั้งปีของบริษัทมากถึง 10 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Royal Caribbean ระบุว่าทีมลอจิสติกส์ของท่าเรือกำลังหาทางเลือกสำหรับการเดินเรือที่จะเกิดขึ้น และจะประกาศทันทีที่มีการสรุปแผน
บัลติมอร์ยังมีท่าจอดเรือสำราญให้บริการเรือของบริษัท Royal Caribbean, Carnival และ Norwegian เมื่อปีที่แล้วมีผู้โดยสารกว่า 444,000 คนเดินทางออกจากท่าเรือแห่งนี้
แม้สะพานถล่มจะทำให้การจราจรในบัลติมอร์ติดขัดและส่งผลเสียต่อธุรกิจที่พึ่งพาท่าเรือชั่วคราว แต่งบประมาณที่จะถูกใช้ในการสร้างสะพานใหม่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง ถึงแม้จะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก็ตาม
“คล้ายกับการเกิดภัยธรรมชาติ ช่วงแรกๆ จะเต็มไปด้วยความปั่นป่วน แต่พอเริ่มมีการก่อสร้างฟื้นฟู เม็ดเงินก็จะถูกหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ” Mark Zandi นักเศรษฐศาสตร์อธิบาย