ข่าวเศรษฐกิจ

คปภ. ชนะคดี ‘สินมั่นคงประกันภัย’ ห้ามยกเลิกกรมธรรม์โควิด 16 ล้านบัญชี

18 มิ.ย. 67
คปภ. ชนะคดี ‘สินมั่นคงประกันภัย’ ห้ามยกเลิกกรมธรรม์โควิด 16 ล้านบัญชี

ศาลปกครองกลางได้ตัดสินคดีประวัติศาสตร์ ยืนยันความชอบธรรมของสำนักงาน คปภ. ในการปกป้องสิทธิของประชาชนผู้เอาประกันภัยโควิด-19 กว่า 16 ล้านบัญชี คำพิพากษานี้ไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะของ คปภ. แต่ยังเป็นหลักประกันสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า คปภ. พร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนในยามวิกฤต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่บริษัทประกันภัยอาจใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภค

คปภ. ชนะคดีสินมั่นคงประกันภัย ศาลยืนยันคำสั่งห้ามบอกเลิกกรมธรรม์โควิด ปกป้องผู้เอาประกันภัย 16 ล้านฉบับ

คปภ. ชนะคดีสินมั่นคงประกันภัย ศาลยืนยันคำสั่งห้ามบอกเลิกกรมธรรม์โควิด ปกป้องผู้เอาประกันภัย 16 ล้านราย

เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีสำคัญสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นฝ่ายชนะ และถือเป็นการปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยทั่วประเทศ โดยศาลฯ ได้ตัดสินยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ของ คปภ. ซึ่งห้ามบริษัทประกันภัยบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 อันเป็นผลมาจากกรณีที่บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้อง คปภ. เรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 4 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ คดีความนี้มีจุดเริ่มต้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งส่งผลให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัยฯ ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยโควิด-19 รายใหญ่ ได้ดำเนินการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 กับผู้เอาประกันภัยจำนวนมาก โดยอ้างเหตุผลด้านความเสียหายทางธุรกิจ การกระทำดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกและความไม่มั่นคงให้กับผู้เอาประกันภัยและสังคมโดยรวม

ดังนั้น คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล ได้ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรง และสุ่มเสี่ยงจะถูกนำไปเป็นโมเดลให้กับบริษัทประกันรายอื่น สามารถบอกเลิกกรมธรรม์ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง และเพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน จึงได้ใช้อำนาจตามกฎหมายออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัยโควิด-19 กว่า 16 ล้านฉบับ มีมูลค่าสินไหมทดแทนเกือบ 1 แสนล้านบาท ให้ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปจนกว่าจะหมดอายุกรมธรรม์

โดยคดีความนี้มีจุดเริ่มต้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งส่งผลให้สินมั่นคงประกันภัย ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยโควิด-19 รายใหญ่ ได้ดำเนินการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 กับผู้เอาประกันภัยจำนวนมาก โดยอ้างเหตุผลด้านความเสียหายทางธุรกิจ การกระทำดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกและความไม่มั่นคงให้กับผู้เอาประกันภัยและสังคมโดยรวม

คำพิพากษาของศาลปกครองกลางในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของการใช้อำนาจของ คปภ. ในการกำกับดูแลและคุ้มครองประชาชนแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่สำคัญให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยไทย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และการคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ

คปภ. ยืนหยัดปกป้องสิทธิประชาชน คำสั่งห้ามบอกเลิกกรมธรรม์โควิด-19 

คปภ. ชนะคดีสินมั่นคงประกันภัย ศาลยืนยันคำสั่งห้ามบอกเลิกกรมธรรม์โควิด ปกป้องผู้เอาประกันภัย 16 ล้านราย

สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ทั่วประเทศ โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลห้ามบริษัทประกันภัยบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 เว้นแต่ในกรณีที่มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการทุจริตหรือฉ้อฉล

สำนักงาน คปภ. ตระหนักดีว่าการปล่อยให้มีการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ในขณะที่สถานการณ์ยังคงวิกฤตและประชาชนไม่สามารถเข้าถึงประกันภัยโควิด-19 ได้โดยง่าย อาจส่งผลให้บริษัทผู้รับประกันภัยฉวยโอกาสใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเอาเปรียบประชาชน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้งผู้เอาประกันภัยและภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันภัย

คำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่ยืนยันความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของระบบประกันภัยไทย หากสำนักงาน คปภ. เป็นฝ่ายแพ้คดี อาจก่อให้เกิดบรรทัดฐานที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งบริษัทผู้รับประกันภัยอาจใช้เป็นช่องทางในการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นๆ เมื่อมีความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบประกันภัยโดยรวม

สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความขอบคุณต่อศาลปกครองกลางที่ได้วินิจฉัยคดีนี้อย่างเป็นธรรม และขอยืนยันว่าจะยังคงมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล เพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะและธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของระบบประกันภัยไทย เพื่อให้ระบบประกันภัยไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT