ข่าวเศรษฐกิจ

เวียดนาม ดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะขึ้นเป็น อันดับ 1 ในอาเชียน

28 มิ.ย. 67
เวียดนาม ดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะขึ้นเป็น อันดับ 1 ในอาเชียน

เวียดนามกำลังเปล่งประกายบนเวทีเศรษฐกิจโลก ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลก ในปี 2567 ตัวเลข GDP ที่น่าประทับใจ เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง

ความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพอันมหาศาลของประเทศนี้ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจลึกถึงปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เวียดนามก้าวขึ้นเป็นดาวรุ่งแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทำไมจึงเป็นโอกาสทองที่นักลงทุนไม่ควรพลาด


โลกร้อนทำพิษ เวียดนามเผชิญภัยแล้ง ดัน ราคาโรบัสต้าในตลาดพุ่ง ภาระอาจตกที่ผู้บริโภค


เวียดนาม ดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะขึ้นเป็น อันดับ 1 ในอาเชียน

เวียดนาม ดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะขึ้นเป็น อันดับ 1 ในอาเชียน

เวียดนามกำลังก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่งในเวทีเศรษฐกิจโลก ด้วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลาดหุ้นเวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานด้วยการตั้งเป้าหมายที่จะเข้าสู่ดัชนี MSCI Emerging Markets ภายในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลกให้ไหลเข้ามาอย่างมหาศาล

จากประเทศที่เคยถูกมองข้าม เวียดนามได้พลิกโฉมตัวเองกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกในปี 2567 จากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน และศักยภาพในการเติบโตที่น่าจับตา แม้ว่าธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในไตรมาสที่สองจะชะลอตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.3% ซึ่งยังคงแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับ 5.7% ในไตรมาสแรก การเติบโตของยอดค้าปลีกและการส่งออกคาดว่าจะลดลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ 8.2% และ 14.2% ตามลำดับในเดือนมิถุนายน

ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนที่สามติดต่อกันที่สูงกว่า 4% Tim Leelahaphan นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนามยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะมีความท้าทายจากแรงกดดันด้านราคา ค่าเงินที่อ่อนตัวลง และอุปสงค์โลกที่ซบเซา และ ก่อนหน้านี้ ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์ คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในไตรมาสที่ 2 จะเพิ่มขึ้นเป็น 6% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตของ GDP ปีนี้ที่รัฐบาลเวียดนามตั้งไว้ที่ 6-6.5% แล้วปัจจัยละอะไรที่ให้เวียดนามกำลังจะขึ้นเป็น อันดับ 1 ในอาเชียน

ปัจจัยหนุนเวียดนามสู่ ประเทศอันดับ 1 แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เวียดนาม ดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังจะขึ้นเป็น อันดับ 1 ในอาเชียน

  • การเติบโตของ GDP อย่างแข็งแกร่ง: เศรษฐกิจเวียดนามแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น โดย World Bank คาดการณ์ว่า GDP ในปี 2567 จะเติบโต 5.5% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในโลก สอดคล้องกับ EPS ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ไว้ที่ 6-6.5% ซึ่งเป็นไปได้สูงเมื่อพิจารณาจากการเติบโตในไตรมาสแรกที่ 5.7% IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เฉลี่ยปีละ 6.7% ในช่วงปี 2567-2571 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเวียดนามที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก
  • เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง: ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 เวียดนามได้รับเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) รวมกว่า 8.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รวมถึงข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) 16 ฉบับ ครอบคลุมกว่า 54 ประเทศ ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ตัวอย่างเช่น บริษัท Samsung ได้ย้ายฐานการผลิตสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มาที่เวียดนาม เนื่องจากต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่าและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
  • ความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้าน AI: FPT Corp บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเวียดนาม ได้ร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Cloud Computing โดยมีแผนลงทุนสร้างโรงงานมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI การขับขี่อัตโนมัติ และ Cloud Computing ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ FPT Corp ในการยกระดับเวียดนามสู่การเป็นผู้นำด้าน AI ความร่วมมือนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีและนวัตกรรม
  • อุตสาหกรรมการเงินเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ: เวียดนามคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของกลุ่มการเงินในปี 2567 จะเติบโต 20% หรือประมาณ 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 57% ของกำไรสุทธิทั้งตลาด ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมการเงินในเวียดนาม การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง และความต้องการบริการทางการเงินที่หลากหลาย
  • มูลค่าตลาดหุ้นเวียดนามที่น่าดึงดูด: มูลค่าดัชนี VNI Index ในปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง และถูกกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ โดยมีอัตราส่วน 12 Month Forward PE อยู่ที่ 11.4 เท่า ขณะที่หุ้นโลกอยู่ที่ 18 เท่า นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าอัตรากำไรตลาดหุ้นเวียดนามในปีนี้จะเติบโตสูงถึง 19.6% ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า: เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง ค่าเงินดองเวียดนามมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเวียดนามอีกครั้ง นอกจากนี้ ค่าเงินดองที่แข็งค่าขึ้นยังช่วยลดต้นทุนการนำเข้าและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจเวียดนาม

นอกจากนี้แม้ว่าเวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายบางประการ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ค่าเงินที่ผันผวน และอุปสงค์โลกที่ซบเซา แต่ปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นบ่งชี้ว่าเวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าจับตามองและมีศักยภาพในการเติบโตสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เวียดนามกำลังก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม แม้ว่าจะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ศักยภาพในการเติบโตของเวียดนามยังคงเป็นที่น่าจับตามอง และเป็นโอกาสที่นักลงทุนไม่ควรพลาดที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้

ที่มา Xinhu และ KAsset

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT