ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อรัฐบาลมีแผนขยายสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์อาคารชุดของชาวต่างชาติจาก 49% เป็น 75% ซึ่งแม้จะเป็นความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็อาจเป็นดาบสองคมที่สร้างผลกระทบรุนแรงในระยะยาว โดยเฉพาะต่อผู้บริโภคชาวไทย ttb analytics ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจชั้นนำของไทย ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อนโยบายดังกล่าว โดยชี้ว่าอาจไม่สามารถแก้ปัญหาตลาดอสังหาฯ ที่ซบเซาได้จริง แถมยังอาจส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยพุ่งสูงขึ้นจนคนไทยเอื้อมไม่ถึง
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกมุมมองของ ttb analytics ถึงความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในนโยบายนี้ พร้อมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อให้การเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน
ttb analytics แสดงความกังวลต่อนโยบายขยายสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์อาคารชุดของชาวต่างชาติเป็น 75% โดยระบุว่าอาจไม่สามารถกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่คาดหวัง เนื่องจากตลาดกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 จะลดลง 15.9% หรือคิดเป็นมูลค่า 8.8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยลบหลายประการ ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำลังซื้อภายในประเทศที่ลดลง ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการขาดเงินออมของคนรุ่นใหม่
นอกจากนี้ ttb analytics ยังชี้ให้เห็นว่าการขยายสัดส่วนดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในเชิงลบมากกว่าผลดีในระยะยาว โดยมีปัจจัยหลัก 3 ประการที่สนับสนุนข้อกังวลดังกล่าว:
อย่างไรก็ตาม หากมองในระยะยาว ttb analytics มองว่าอาจส่งผลเสียต่อราคาที่อยู่อาศัยจนคนไทยไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ เนื่องจากกำลังซื้อของชาวต่างชาติที่สูงกว่าอาจทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้คนไทยจำนวนมากไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ได้ นอกจากผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยแล้ว นโยบายนี้อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจโรงแรม ที่อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคอนโดมิเนียมที่ชาวต่างชาตินำมาปล่อยเช่ารายวัน นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เช่น ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจตกแต่งภายใน ที่อาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีทุนจากต่างประเทศ
เพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว ttb analytics เสนอให้ภาครัฐทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างควบคู่ไปกับการออกข้อบังคับที่รัดกุมยิ่งขึ้น ตัวอย่างมาตรการที่ ttb analytics เสนอแนะ ได้แก่
1.มาตรการที่รัดกุม เข้มงวด และเป็นระบบ
2.สร้างผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ในขณะที่นโยบายขยายสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์อาคารชุดของชาวต่างชาติเป็น 75% อาจดูเหมือนเป็นหนทางในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่กำลังซบเซา แต่ ttb analytics ได้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มีมาตรการรองรับที่รัดกุมและครอบคลุม
การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนไทย ควบคู่ไปกับการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดในการตรวจสอบที่มาของเงินทุนและวัตถุประสงค์ในการซื้อของชาวต่างชาติ รวมถึงการจำกัดพื้นที่และสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ จะเป็นแนวทางที่ยั่งยืนกว่าในการสร้างสมดุลระหว่างการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติกับการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทย
สุดท้ายนี้ การตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และความสามารถของคนไทยในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ดังนั้น การพิจารณาอย่างรอบคอบและการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง