‘โกลด์แมน แซคส์’ (Goldman Sachs) เผย ‘จีน’ จะมีประชากรสัตว์เลี้ยงมากกว่าเด็กเล็กถึงเกือบ 2 เท่าในปี 2573 หรืออีกประมาณ 6 ปีข้างหน้า เหตุประชาชนรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงานหรือมีลูก ดันให้ตลาดอาหารสัตว์เติบโตรวดเร็วในประเทศ
จากการศึกษา จีนจะมีประชากรสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีมากกว่าประชากรเด็กเล็กภายในปีนี้ และเพิ่มขึ้นไปจนถึง 70 ล้านตัวภายในปี 2573 ขณะที่จำนวนเด็กเล็กที่มีอายุ 4 ปี หรือน้อยกว่า จะลดลงไปเหลือต่ำกว่า 40 ล้านคน เนื่องจากประชาชนเลือกมีสัตว์เลี้ยงมากกว่าที่ลูกจริงๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อายุน้อยอายุ 23-33 ปี ที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงเกือบครึ่งในจีนในปี 2566
สถานการณ์นี้ตรงข้ามกับในปี 2560 ที่จีนยังมีประชากรเด็กเล็กมากถึง 90 ล้านคน ขณะที่ประชากรสัตว์เลี้ยงอยู่ที่เพียง 40 ล้านคน สะท้อนว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เทรนด์การมีลูกและสัตว์เลี้ยงสวนทางกันในปัจจุบันก็คือปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างมากจากช่วงก่อนโควิด-19
คนจีนแต่งงานมีลูกลดลง คาดอัตราเกิดร่วง 4.2% /ปี จนถึง 2573
เทรนด์ ‘Pet Parents’ ที่เฟื่องฟูในจีน เป็นผลโดยตรงมาจากการที่คนจีนทั้งแต่งงานและมีลูกลดลง สะท้อนได้จากสถิติการจดทะเบียน และอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในจีน
ข้อมูลจาก กระทรวงกิจการพลเรือน (Ministry of Civil Affairs) ของจีน ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 มีประชากรจีนจดทะเบียนสมรสเพียง 3.43 ล้านคู่ ลดลงเกือบ 500,000 คู่ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ He Yafu สำนักวิจัยด้านประชากร คาดการณ์ว่า ภายในปีนี้ สถิติการจดทะเบียนสมรสของจีนจะเหลือเพียง 6.6 ล้านคู่ ลดลงประมาณ 240,000 คู่ จากยอด 6.84 ล้านคู่ในปี 2565 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2522 และลดลงถึง 6.86 ล้านคนจากระดับสูงสุดในปี 2556
ส่วนด้าน ‘อัตราการเกิด’ ก็มีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยในปี 2566 จีนมีเด็กเกิดเพียง 9.02 ล้านคน ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2492 ทำให้ในปี 2566 จำนวนประชากรจีนลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยลดลงเหลือ 1.4097 พันล้านคน น้อยลง 2.08 ล้านคนจากปี 2565
ในรายงานเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า อัตราเด็กเกิดใหม่ในจีนจะลดลงเฉลี่ยประมาณ 4.2% ต่อปีจนถึงปี 2030 เนื่องจากจำนวนประชากรผู้หญิงอายุ 20-35 ปีของจีนจะมีจำนวนลดลงเช่นกันในแต่ละปี และเลือกที่จะไม่แต่งงานและมีลูกมากยิ่งขึ้น
ตลาดอาหารสัตว์ในจีนจะมีมูลค่า 4.2 แสนล้านบาทในปี 2573
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า จำนวนสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นในจีนจะส่งผลให้มูลค่าตลาดอาหารสัตว์ในจีนมีมูลค่าสูงขึ้นแตะ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.2 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 และคาดว่าคนจีนจะนิยมเลี้ยงแมวมากกว่าหมา เพราะว่าแมวใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อยกว่า
นอกจากนี้ นอกจากจีนแล้ว อีกประเทศหนึ่งที่มีจำนวนสัตว์เลี้ยงมากกว่าจำนวนเด็กเล็กก็คือ ‘ญี่ปุ่น’ โดยในปี 2565 ญี่ปุ่นมีประชากรสัตว์เลี้ยงถึง 20 ล้านตัว มากกว่าจำนวนเด็กเล็กเกือบ 4 เท่า
ในปี 2566 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่นมีมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก