ข่าวเศรษฐกิจ

‘แคนาดา’ ตามรอยสหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้า EV จีนเป็น 100% หวังปั้นฐานการผลิตในประเทศ

27 ส.ค. 67
‘แคนาดา’ ตามรอยสหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้า EV จีนเป็น 100% หวังปั้นฐานการผลิตในประเทศ

รัฐบาลแคนาดาประกาศเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนเป็น 100% เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศ และป้องกันการทุ่มตลาดจากจีน ตามรอยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่ได้เพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนไปแล้วในปีนี้

จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีของแคนาดา เปิดเผยแก่สื่อมวลว่ารัฐบาลแคนาดากำลังจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนหลายประการ ทั้ง รถยนต์ไฟฟ้า ที่ภาษีนำเข้าจะเพิ่มเป็น 100% และโลหะ และอะลูมิเนียม ที่ภาษีนำเข้าจะเพิ่มเป็น 25% เริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เพื่อป้องกันการทุ่มตลาดของบริษัทจีน ที่ชาติตะวันตกมองว่าได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการผลิตจนมีข้อได้เปรียบด้านราคา

ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลแคนาดา ภาษีนี้จะครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่นำเข้าจากจีน ซึ่งรวมถึงรถยนต์ที่ผลิตโดยเทสลา ทำให้หุ้นของเทสลาปิดตลาดลดลง 3.2% ในวันจันทร์ หลังจากมีการประกาศมาตรการภาษีดังกล่าวออกมา

แคนาดาถือว่าเป็นชาติตะวันตกชาติแรกๆ หลังจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่ได้ออกมาตรการเพิ่มภาษีนำเข้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการทุ่มตลาดของจีน 

โดยในเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนสี่เท่าเป็น 100% และเพิ่มภาษีสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปเซ็ต และแผงโซลาร์เซลล์เป็นสองเท่าเป็น 50% รวมถึงกำหนดอัตราภาษีใหม่ที่ 25% สำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและสินค้าเชิงกลยุทธ์อื่นๆ รวมถึงเหล็ก เพื่อปกป้องบริษัทในประเทศจากอุปทานล้นเกินของจีน

 

รัฐบาลแคนาดาเร่งปกป้องผู้ผลิตในประเทศ แต่อาจถูกจีนโต้กลับ

ในปี 2023 ที่ผ่านมา แคนาดาเริ่มมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนมากยิ่งขึ้น โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดนำเข้ารถยนต์จากจีนมาที่แวนคูเวอร์เพิ่มขึ้นถึง 460% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีจำนวนถึง 44,356 คันในปี 2023 ซึ่งเป็นปีที่เทสลาเริ่มส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจากเซี่ยงไฮ้ไปยังแคนาดา

จัสติน ทรูโด กล่าวว่าการดำเนินการของแคนาดาเป็นการตอบโต้ตอบที่รัฐบาลของจีนให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศจนทำให้สินค้ามีราคาถูก และมีข้อได้เปรียบด้านราคาจนกลายเป็นการทำลายผู้ผลิตในประเทศอื่น และมองว่ามาตรการโต้ตอบนี้เหมาะสมแล้ว เพราะผู้ผลิตจีนไม่ได้เล่นตามกติกาเดียวกันกับผู้ผลิตอื่นทั่วโลก 

หลังจากมีการประกาศมาตรการภาษีดังกล่าว สถานทูตจีนในแคนาดาได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ โดยเรียกการกระทำนี้ว่าเป็น "การปกป้องทางการค้า" และ "การกระทำที่มีแรงจูงใจทางการเมือง" พร้อมระบุว่า แคนาดาได้ละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และการเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจีนของแคนาดาจะทำลายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและธุรกิจในแคนาดา เพราะปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่เป็นอันดับสองของแคนาดา

นอกจากนี้ จีนยังเป็นผู้นำเข้าสินค้าจำนวนมากจากแคนาดา ทำให้จีนสามารถลดการนำเข้าหรือเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาเพื่อโต้ตอบได้ เช่นเดียวกับที่เคยทำกับวิสกี้ และสินค้าหรูจากสหภาพยุโรป

โดยในปี 2023 แคนาดาส่งออกสินค้าไปจีนเป็นมูลค่า 3.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้านำเข้าหลักของจีนจากแคนาดา ได้แก่ น้ำมันดิบ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์แคนาดา เมล็ดคาโนล่า ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ สินแร่เหล็ก ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ และทองคำมูลค่าเกือบ 14 พันล้านดอลลาร์แคนาดา 

 

มาตรการภาษีอาจเพิ่มการค้าแคนาดา-สหรัฐฯ และพัฒนาอุตฯ EV ในแคนาดา

ทั้งนี้ แม้มาตรการภาษีนี้จะสร้างความเสี่ยงกับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอื่นๆ ในแคนาดา อุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐฯ และแคนาดามีสิทธิได้ประโยชน์จริงจากมาตรการเหล่านี้ เพราะผู้ผลิต EV รายใหญ่ของโลกอย่าง เทสลาอาจจะปรับแผนการจัดส่งรถยนต์ไปแคนาดาจากสหรัฐอเมริกาแทน

โดย Seth Goldstein นักวิเคราะห์จาก Morningstar กล่าวว่า การที่หุ้นเทสลาปรับตัวลดลงในขณะนี้ น่าจะเกิดจากการที่ตลาดน่าจะกำลังประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อกำไรของเทสลาหากต้องส่งออกรถจากสหรัฐฯ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าอยู่

นอกจากนี้ มาตรการนี้อาจจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของแคนาดาในการสร้างอุตสาหกรรม EV ภายในประเทศ โดยในขณะนี้ แคนาดากำลังพยายามทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก และได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากยุโรปในทุกส่วนของห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ มองว่า หลังจากสหรัฐฯ มีการเลื่อนการบังคับใช้มาตรการเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจีนออกไปจนถึงเดือนกันยายน ก็มีความเป็นไปได้ว่ามาตรการของแคนาดาก็อาจจะถูกเลื่อนหรือผ่อนปรนลงได้เช่นกัน หากได้แรงต้านจากจีน หรือมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ

 

 

 

ที่มา: Reuters

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT