ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน Krungthai Chief Investment Office (CIO) ได้วิเคราะห์และเสนอแนะกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจท่ามกลางแนวโน้มที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นโยบาย “America First” ที่ทรัมป์ประกาศใช้ ไม่เพียงแต่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลก นโยบายที่เน้นการลดภาษี กระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ และผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจอย่างยิ่ง
Krungthai CIO ชี้หุ้นการเงิน-พลังงาน-หุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ รับผลบวกนโยบายทรัมป์ แนะกลยุทธ์ลงทุนท่ามกลางดอกเบี้ยสูง
Krungthai Chief Investment Office (CIO) ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกที่จะปรับตัวสูงขึ้น รับอานิสงส์จากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร หรือ "Red Sweep"
นโยบายของทรัมป์ซึ่งมุ่งเน้นหลักการ "America First" คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Trump Trade" ในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มการเงิน พลังงาน และหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายนี้
สำหรับแนวนโยบายที่คาดว่าจะส่งผลกระทบมากที่สุดต่อการลงทุนในระยะสั้น ประกอบด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ การลดภาษีทั้งสำหรับบุคคลธรรมดาและบริษัท และการลดข้อกำหนดทางธุรกิจ ซึ่งจะสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นโยบายเหล่านี้ประกอบด้วยการลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% และยืดระยะเวลาการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับนโยบายการค้าระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์มีแนวโน้มจะเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 60% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นที่ระดับ 10% โดยนโยบายด้านภาษีเหล่านี้สามารถประกาศใช้ได้รวดเร็วผ่านการออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) ซึ่งจะสามารถมีผลบังคับใช้ได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ทรัมป์จะผ่อนปรนกฎเกณฑ์ในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้พลังงานฟอสซิล และลดข้อบังคับด้านการควบคุมสถาบันการเงิน ในขณะเดียวกันยังเสริมความเข้มงวดในการควบคุมคนเข้าเมือง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนตลาดแรงงานภายในประเทศ
นอกจากนี้ Krungthai CIO ให้คำแนะนำแก่นักลงทุนว่า ควรสะสมหุ้นในกลุ่มการเงิน พลังงาน และหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายการคลังและการคลายข้อบังคับต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจของทรัมป์
"Krungthai CIO แนะกลยุทธ์การลงทุนหุ้นขนาดเล็ก การเงิน และพลังงาน ท่ามกลางความเสี่ยงดอกเบี้ยสูง"
โดยมองว่า การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแผนเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐควบคู่กับการลดภาษีจะส่งผลให้สหรัฐฯ เผชิญกับภาวะขาดดุลทางการคลังที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงนี้ประกอบกับมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าอาจส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวในอัตราที่ลดลง ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
โดย Fed อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าที่เคยคาดการณ์กัน
Krungthai CIO ประเมินผลกระทบของนโยบายทรัมป์ต่อตลาดหุ้น โดยแบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนี้:
หุ้นขนาดเล็กที่มีรายได้หลักจากในประเทศ — หุ้นเหล่านี้มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากนโยบาย America First ซึ่งสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงนโยบายการมีกำแพงภาษีที่กีดกันสินค้าจากต่างประเทศ และการลดภาษีนิติบุคคลที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้นกลุ่มการเงิน — หุ้นในกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตจากการผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับสถาบันการเงินและธุรกิจอื่น ๆ นโยบายลดข้อจำกัดในการทำธุรกิจของทรัมป์จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มนี้ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาว
หุ้นกลุ่มพลังงาน — ทรัมป์ให้ความสำคัญกับการลดข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนพลังงานฟอสซิล ซึ่งนโยบายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานสะอาดอาจได้รับผลกระทบในทางตรงกันข้าม เนื่องจากทรัมป์มีแนวโน้มที่จะลดการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Krungthai CIO แนะนำให้นักลงทุนมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐ หุ้นในกลุ่มพลังงาน และหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากอานิสงส์เชิงนโยบายของทรัมป์
ขณะเดียวกัน แนะนำให้ชะลอการลงทุนในตราสารหนี้ไว้ก่อน เนื่องจากตราสารหนี้มีความอ่อนไหวต่อการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ Fed ต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานขึ้นหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง
"Krungthai CIO ชี้โอกาสลงทุนหุ้นการเงิน พลังงาน และหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ หลังนโยบายทรัมป์เตรียมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ"
จากมุมมองของ Krungthai CIO นโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นและกลยุทธ์ทางการเงินทั่วโลก ภายใต้นโยบาย “America First” ที่ส่งเสริมการใช้จ่ายในประเทศ เพิ่มการเก็บภาษีนำเข้า และลดภาษีภาคธุรกิจและบุคคล นโยบายเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะสร้างแรงผลักดันให้กับกลุ่มธุรกิจหลักในสหรัฐฯ แต่ยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มการใช้จ่ายนี้ก็ยังมีความเสี่ยงด้านการขาดดุลทางการคลัง รวมถึงการเร่งตัวของเงินเฟ้อที่อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นระยะเวลานานขึ้น
ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ Krungthai CIO จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงด้วยการเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีศักยภาพเติบโตในสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน เช่น หุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการมุ่งเน้นการใช้จ่ายภายในประเทศ หุ้นกลุ่มการเงินที่มีโอกาสเติบโตจากการผ่อนคลายกฎระเบียบ และหุ้นกลุ่มพลังงานที่จะได้ประโยชน์จากการลดข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม การเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นเหล่านี้สามารถสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีและยังช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายที่รวดเร็วและเข้มข้นของทรัมป์
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง Krungthai CIO แนะนำให้ชะลอการลงทุนในตราสารหนี้ เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบอย่างมากจากการคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงหากเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามพัฒนาการของนโยบายสหรัฐฯ และทิศทางเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อตอบสนองได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต